อุบลฯ รับพระราชทานเทียนพรรษาและผ้าอาบน้ำฝน งานแห่เทียนปี 2563
วันที่ 23 มิถุนายน 2563 เวลา 15:10 น. พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 10) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จออกแทนพระองค์ พระราชทานพระราชวโรกาสให้ นายสฤษดิ์วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี นำคณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษา ประจำปีพุทธศักราช 2563 เฝ้าทูลละอองพระบาท รับพระราชทานเทียนพรรษา เพื่อเชิญไปถวายเป็นพุทธบูชาในเทศกาลเข้าพรรษา ที่วัดสุปัฏนาราม พระอารามหลวง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี
และในวันที่ 24 มิถุนายน 2563 คณะเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติที่เดินทางเข้าเฝ้าฯ รับเทียนพรรษาพระราชทาน จะเดินทางโดยรถตู้สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร กลับจังหวัดอุบลราชธานี กำหนดการถึง สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานี เวลาประมาณ 17.30 น.
จากนั้น วันที่ 25 มิถุนายน 2563 เวลา 09.00 น. วัฒนธรรมจังหวัดอุบลราชธานี และคณะ จะอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทาน และผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน ไปประดิษฐาน ณ ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรอเข้าร่วมงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2563 ณ บริเวณมณฑลพิธีทุ่งศรีเมือง
สำหรับเทียนพรรษาพระราชทานนี้ มีจุดเริ่มต้นเมื่อปี พ.ศ.2522 คณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ได้พิจารณาร่วมกันว่า การจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานีเป็นงานใหญ่ระดับชาติ มีการจัดงานอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน และมีการประชาสัมพันธ์ไปยังนานาชาติ ด้วย
จึงได้พร้อมใจกันกราบบังคมทูล ขอพระราชทานเทียนพรรษาจาก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ในเทศกาลเข้าพรรษาเป็นกรณีพิเศษ นอกเหนือจากที่พระองค์ทรงกรุณาโปรดเกล้าพระราชทานแก่พระอารามหลวงในกรุงเทพมหานครปกติ เพื่ออัญเชิญเป็นเทียนชัยมิ่งมงคล นำขบวนแห่เทียนพรรษาอุบลราชธานี และนำไปจุดบูชาพระรัตนตรัยในพระอารามหลวงแห่งใดแห่งหนึ่งใน จังหวัดอุบลราชธานีต่อไป
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าฯ พระองค์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานเทียนพรรษาแก่จังหวัดอุบลราชธานีตามความประสงค์ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีในขณะนั้น (นายประมูล จันทรจำนง) พร้อมคณะ ซึ่งเป็นผู้แทนคณะกรรมการจัดงานเข้าเฝ้ารับพระราชทานเทียนพรรษาจากพระองค์ท่าน ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต ก่อนวันเริ่มงานประเพณีแห่เทียนพรรษา 7 วัน ได้มีพิธีรับอย่างสมพระเกียติ พร้อมอัญเชิญไปประดิษฐานเป็นเทียนชัยมิ่งมงคลในงาน เป็นเทียนพรรษาต้นเดียวที่พระราชทานให้กับต่างจังหวัด และในขบวนแห่เทียนพรรษาต่อไป นับจากปี พ.ศ. 2522 เป็นต้นมา
เทียนพรรษาพระราชทาน เป็นเทียนหล่อสำเร็จ ประดับด้วยลายไทย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4 นิ้ว สูงประมาณ 1 เมตร ทรง 8 เหลี่ยม คล้ายพานรองรับ พระราชทานพร้อมกับต้นเทียน 3 อย่าง ได้แก่ ไจฝ้ายสำหรับทำไส้เทียน 1 ไจ เทียนชนวนทำจากขี้ผึ้งแท้ 1 เล่ม และไม้ขีดไฟ 1 กลัก เมื่อผู้เข้าเฝ้าฯ ได้รับพระราชทานเทียนพรรษาแล้ว จะอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทานมาทางเครื่องบิน และมีพิธีรับเทียนพรรษาพระราชทานอย่างสมพระเกียรติ ที่ท่าอากาศยานนานาชาติอุบลราธานี จากนั้นเคลื่อนขบวนอัญเชิญเทียนพรรษาพระราชทาน ไปยังจุดที่ตั้งที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี
และในปี พ.ศ.2552 สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีพระราชทานผ้าอาบน้ำฝนเพิ่มในพิธีอัญเชิญเทียนพรรษามาถึงปัจจุบัน
การกำหนดว่า ในแต่ละปี จะนำเทียนพรรษาพระราชทาน และผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน ไปถวายยังพระอารามหลวงแห่งใดนั้น ให้ใช้วิธีหมุนเวียนกันไปตามวัดพระอารามหลวงของจังหวัด ซึ่งมีด้วยกัน 3 แห่ง ได้แก่ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร วัดมหาวนาราม และวัดศรีอุบลรัตนาราม
สำหรับเทียนพรรษาพระราชทาน และผ้าอาบน้ำฝนพระราชทาน ในปีนี้ทอดถวาย ณ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร วันที่ 6 กรกฎาคม 2563 เวลา 09.30 น.