ผลการประกวดต้นเทียนพรรษา ประเภทติดพิมพ์ ขนาดเล็ก 2567
จังหวัดอุบลราชธานี ร่วมกับหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคเอกชน ได้กำหนดจัดประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2567 "เฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เมืองเทียน เมืองธรรม งามล้ำเมือง 4 แสง" ระหว่างวันที่ 17-23 กรกฎาคม 2567 ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง
การประกวดต้นเทียนพรรษา งานประเพณีแห่เทียนพรรษาประจำปี 2567 ประเภทติดพิมพ์ ขนาดเล็ก ส่งเข้าประกวดรวม 3 ต้น ได้แก่
1. วัดสารพัฒนึก
2. อำเภอศรีเมืองใหม่
3. อำเภอเหล่าเสือโก้ก
ผลการประกวด
ต้นเทียนพรรษา ประเภทติดพิพม์ ขนาดเล็ก มีดังนี้
รางวัลชนะเลิศ
ได้แก่ อำเภอศรีเมืองใหม่
นายโกวิท แก้วสุขอยู่เจริญ เป็นหัวหน้าช่าง
ส่วนหน้าสุดของต้นเทียน เป็นพระยาอนันตนาคราช 5 เศียร ต่อมาเป็นพระยาครุฑ ลำดับถัดไปเป็น หลวงปู่มั่น ภูริทตโต พระเกจิอาจารย์ คู่อำเภอศรีเมืองใหม่ และจังหวัดอุบลราชธานี
ส่วนกลางของฐานต้นเทียน เป็นนกหัสคีลิงค์ เป็นชื่อนกใหญ่ อาศัยอยู่ในป่าหิมพานต์ มีลักษณะตัวส่วนใหญ่เป็นนก แต่มีจะงอยปากเป็นงวงอย่างงวงช้าง
ส่วนท้าย ติดพิมพ์ลายเป็น เทพพระบุตรโพธิสัตว์ที่ลงมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า โดยเมื่อพระเวสสันดรโพธิสัตว์สวรรคตแล้ว เทวดาทุกสวรรค์ชั้นฟ้ามาประชุม ปรึกษากันว่า ใครจะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ต่างก็เล็งว่า พระโพธิสัตว์สถิตอยู่ในชั้นดุสิต ทรงบำเพ็ญบารมีมาในชาติใดๆ ก็มิได้ทรงมุ่งหวังสมบัติอันใด นอกจากความเป็นพระพุทธเจ้า จึงพากันไปทูลอัลเชิญให้จุติลงมาโปรดสัตว์โลก
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
ได้แก่ อำเภอเหล่าเสือโก้ก
นายเปรม อุ่นสี เป็นหัวหน้าช่างเทียน
ส่วนหน้า เป็นเรื่องราวของพระเวสสันดรชาดก ตอนที่พระเวสสันดรให้ทานช้างแก้วปัจจัยนาเคนทร์แก่พราหมณ์ชาวเมืองกลิงครัฐ เพื่อไปช่วยเหลือชาวเมืองกลิงครัฐที่ประสบภัยแล้งมานานถึง 7 ปี ทำให้เสนาอำมาตย์และชาวเมืองสีพีบางส่วนไม่พอใจ จึงเข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงสญชัย กล่าวหาว่าพระเวสสันดรเป็นคนไม่ดี เป็นคนกาลีบ้านกาลีเมือง เพราะได้ให้ทานช้างแก้วปัจจัยนาเคนทร์เป็นช้างคู่บ้านคู่เมืองแก่ชาวเมืองกลิงครัฐ ขืนอยู่ต่อไปคงต้องให้ทานบ้านเมืองให้เป็นเมืองขึ้นของเมืองอื่นเป็นแน่ จะทำให้บ้านเมืองเดือดร้อน จึงสมควรให้ขับไล่พระเวสสันตรออกจากเมือง พระเวสสันตรพร้อมด้วยนางมัทรี กัณหา ซาลี จึงได้หนีไปบวชเป็นฤษีที่เขาคีรีวงกต แวดล้อมไปด้วย เหล่าเทพยดา พญานาคราช ผู้มีเดชานุภาพออกติดตามแวดล้อมระวังภัยตลอดเส้นทาง
ส่วนกลาง เป็นต้นต้นเทียนพรรษาทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้ 12 หมายถึง อายตนะ 12 ซึ่งเป็นธรรมชั้นสูงที่เชื่อมติดต่อกับระหว่างร่างกายเราในส่วนที่เป็นรูปธรรม กับนามธรรม ทั้งภายในและ ภายนอกเป็นต้น
ส่วนท้าย เป็นพระเวสสันดร พระนางมัทรี พร้อมกัณหา ชาลี ออกเดินป่า เพื่อไปบวชเป็นฤษีที่เขาคีรีวงกต ท้ายสุดประดิษฐานพุทธปางมารวิชัย ทรงเอาชนะพญามารทั้งหลาย และโปรดเวไนยสัตว์และแวดล้อมไปด้วยเหล่าทวยเทพเทวดาและพญานาคราชผู้ทรงอิทธิฤทธิ์อยู่สองข้างต้นเทียนพรรษา
รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2
ได้แก่ วัดสารพัฒนึก
นายเฉลิมเกียรติ แถมศิริ เป็นหัวหน้าช่างเทียน
จัดทำเป็นเรื่องพุทธประวัติตอน ทานกัณฑ์ ด้านหน้าเป็นช้างเอราวัณสามเศียรนำขบวนเสด็จ ส่วนกลางขบวนจัดทำเป็นราชรถม้านำต้นเทียน
ด้านหลังของรถต้นเทียน จัดทำเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก ด้านหน้าเป็นมานพหนุ่มถวายนมัสการ ณ เบื้องพระพักตร์ ด้วยความเลือมใสศรัทธา เล่าถึงเมื่อครับรังหนึ่งเมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ธรรมแล้ว พระองค์ก็ได้เสด็จไปยังสถานที่ 7 แห่งเพื่อทรงเสวยวิมุติสุข อยู่ ณ ที่แห่งนี้อีก 7 วัน แต่ในกาลนั้นเกิดฟ้าฝนคะนองลงมาตลอดทั้ง 7 วัน ปรากฎมีพญานาคนามว่า "มุจลินท์นาคราช" ที่มีอำนาจและอิทธิฤทธิ์มาก อยู่ที่สระโบกขรณี ใกล้ต้นมุจลินทร์นั้น เมื่อได้พบเห็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงเกิดความเลื่อมใส และได้ถวายอารักขาโดยขนดกายโอบรอบพระพุทธองค์ได้ 7 รอบ แล้วแผ่พังพาน ปกป้องบนพระเศียร มีให้ฝนและลมหนาวต้องพระวรกายพระผู้มีพระภาคเจ้า รวมทั้งเหลือบ ยุง และสัตว์น้อยใหญ่