วันที่ 25 เมษายน 2564 นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวในรายการผู้ว่าฯ พบประชาชน ถึงการจัดงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2564 ว่า เตรียมปรับรูปแบบการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2564 ภายใต้ชื่องาน แห่เทียนพรรษา มรดกล้ำค่าเมืองดอกบัว ในรูปแบบ New normal โดยจะเพิ่มจำนวนวันแห่เทียนเป็น 3 วัน ลดจำนวนคนเข้าชมในแต่ละรอบ และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด

ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า งานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี จัดกันต่อเนื่องมายาวนาน ถือว่าเป็นมรดกภูมิปัญญาของชาวอุบลฯ จึงไม่อยากให้ขาดความต่อเนื่อง ดังเช่นปีที่ผ่านมา ในสถานการณ์โควิด-19 ก็ได้จัดงานแห่เทียนพรรษาวิถีใหม่ โดยงดขบวนแห่ แต่ให้นำต้นเทียนมาตั้งแสดงโชว์ที่บริเวณทุ่งศรีเมือง เป็นเวลา 5 วัน

สำหรับในปี พ.ศ.2564 นี้ วันเข้าพรรษาตรงกับวันที่ 23 กรกฎาคม 2564 เพื่อให้มีความต่อเนื่องของการจัดงานแห่เทียนจังหวัดอุบลฯ จะใช้งานแห่เทียนเป็นส่วนหนึ่งของการเอาชนะโควิด-19 ซึ่งจะต้องจัดการโควิดให้อยู่ภายในเดือนมิถุนายน นี้ โดยตัดสินใจจัดงานแห่เทียน และใช้ชื่อว่า "งานแห่เทียนพรรษา มรดกล้ำค่า เมืองดอกบัว"

รูปแบบของการจัดงานแห่เทียน จะดำเนินการตามมาตรการ new normal ทุกเรื่อง โดยขยายระยะเวลาแห่เทียนเป็น 3 วัน คือวันที่ 23-25 กรกฎาคม 2564 เพื่อไม่ให้คนมากระจุกตัวในวันเดียวเหมือนที่ผ่านๆ มา วันแรกจะเป็นการประกวดต้นเทียนขนาดเล็ก หรือเทียนสร้างสรรค์ เทียนโบราณ วันที่สองเป็นขบวนแห่ต้นเทียนขนาดกลาง และวัดสุดท้ายเป็นขบวนแห่ต้นเทียนขนาดใหญ่

ก่อนและหลังการจัดงานแห่เทียน 1 เดือน จัดให้มีกิจกรรมเสริม เช่น การแสดงวิถีชีวิตชุมชนคนทำเทียน การแต่งกาย อาหารการกิน ของฝากงานเทียน การประกวดขันหมากเบ็ง การจัดกิจกรรมวิ่งประชาสัมพันธ์งานแห่เทียน เป็นต้น

ที่สำคัญ ปีนี้ จะเชิญคณะทูตประเทศต่างๆ ที่พำนักอยู่ในประเทศไทยมาชมงานเทียน พร้อมกับนำกิจกรรมของประเทศนั้นๆ มาร่วมแสดงในงานประเพณีแห่เทียนเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีด้วย