สักการะผู้เฒ่าจันทรา เทพพ่อสื่อในตำนานจีน ที่อุบลฯ
เมื่อใกล้เทศกาลแห่งความรัก "วันวาเลนไทน์" คู่หนุ่มสาวที่มีความรัก จะมอบสิ่งของแทนความรักให้ต่อกัน บางคู่อาจแสดงความรักด้วยการมอบดอกไม้ คล้องกุญแจ หรือไปทำบุญด้วยกัน เป็นสัญญารักว่า จะรักกันมั่นคงตลอดไป แต่สำหรับชาวจีนแล้ว ยังมีตำนานเรื่องความรักอีกบทหนึ่ง กล่าวถึงเทพพ่อสื่อ ซึ่งเชื่อกันว่า หากเทพพ่อสื่อนี้ผูกปลายด้ายแดงไว้ที่ข้อเท้าของชายหญิงคู่ใดแล้ว แม้อีกฝ่ายจะอยู่ไกลสักเพียงใด ก็ย่อมได้ครองรักกันในที่สุด เทพผู้นั้นคือ "ผู้เฒ่าจันทรา" นั่นเอง
จากจดหมายข่าวอาศรมสยาม-จีนวิทยา เขียนโดย ไห่ กวง เฉิน ได้กล่าวถึงเรื่องของผู้เฒ่าจันทรา เทพพ่อสื่อในตำนานจีน ไกด์อุบลขอคัดลอกความบางส่วนมาเผยแพร่ ดังนี้ ความเชื่อเรื่องผู้เฒ่าจันทราปรากฏเป็นบันทึกลายลักษณ์อักษรครั้งแรกเมื่อสมัยราชวงศ์ถัง (ค.ศ.618-907) ในหนังสือรวมนิยายชื่อว่า "ชวี่เสวียนไกว้ลู่" ตอนร้านมั่นหมาย บทประพันธ์ของหลี่ฟู่เหยียน ความว่า ในสมัยราชวงศ์ถัง มีบัณฑิตหนุ่มนามว่า เหวยกู้ เดินทางมาท่องเที่ยวที่อำเภอซ่งฉิง ขณะพักอยู่ที่โรงเตียมหนันเตี๊ยน เหวยกู้พบกับชายชราผู้หนึ่ง นั่งอยู่หน้าประตูร้าน ข้างกายมีกระเป๋าใบใหญ่ ส่วนมือก็เปิดตำราที่เต็มไปด้วยอักษรประหลาด ซึ่งเขาเองก็อ่านไม่ออก ด้วยความสงสัย เหวยกูจึงเอ่ยถามชายชราว่า เป็นตำราประเภทใด ชายชราหัวเราะพลางอธิบายว่า เป็นบันทึกคู่บุพเพสันนิวาสของชายหญิงทุกคู่บนโลก เหวยกู้ได้ยินอย่างนั้น ยิ่งสนใจ จึงถามว่า ภายในกระเป๋าใบใหญ่นั้น คือสิ่งใด ฝ่ายชายชราอธิบายว่าเป็นด้ายแดงพิเศษ สำหรับผูกข้อเท้าชายหญิงที่มีวาสนาต่อกัน ไม่ว่าจะเกิดในตระกูลที่เป็นอริกัน มีฐานันดรต่างกัน หรืออยู่ไกลกันสุดหล้าฟ้าเขียว เพียงผูกด้ายแดงเข้าด้วยกันแล้ว คนทั้งคู่จะครองรักกันแน่นอน
เหวยกู้ยืนฟังนิ่ง แม้ในใจไม่เชื่อคำพูดชายชรานัก ทว่าอีกใจก็อยากรู้ว่า คู่ครองของตนจะหน้าตาเป็นเช่นไร ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยถาม ชายชรากลับลุกขึ้น หอบหิ้วหนังสือและกระเป๋าสัมภาระ มุ่งหน้าไปยังตลาด เขาเดินตามชายชราไปเรื่อยๆ เมื่อถึงตลาด มีหญิงตาบอดข้างหนึ่งเดินตรงมาทางเขา เธอผู้นั้นกำลังอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยอายุราว 3 ขวบอยู่ในอ้อมอก ชายชราหยุดยืนมองและกล่าวกับเหวยกู้ว่า เด็กหญิงในอ้อมแขนของหญิงตาบอดผู้นั้น คือภรรยาของเหวยกู้ในอนาคต เหวยกู้ได้ฟังก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเพราะไม่เชื่อว่า บัณฑิตหนุ่มอนาคตไกลอย่างตน จะมีคู่ครองเป็นเพียงบุตรสาวของหญิงตาบอด ทว่าชายชรากลับตอบด้วยท่าทียิ้มแยมว่า "ด้ายแดงได้ผูกไว้แล้ว ใครเล่าจะปฏิเสธได้" แล้วพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ฝ่ายเหวยกู้ที่กำลังโกรธจัด เพราะรู้สึกว่าตนถูกตาเฒ่าแปลกหน้าหลอก จึงสั่งให้คนรับใช้ไปสังหารเด็กน้อยผู้นั้นเสีย ด้วยหมายจะท้าทายว่า หากเด็กน้อยตายไปแล้ว คำกล่าวของชายชราจะเป็นจริงได้อย่างไร คนรับใช้รับคำสั่งก็วิ่งตรงไปยังหญิงตาบอด ใช้มีดแทงเด็กหญิงตัวน้อยแล้วรีบหนีไป
หลังจากเหตุการณ์นั้น แม้ว่าจะมีแม่สื่อแนะนำให้เหวยกู้รู้จักกับหญิงสาวอีกมากมาย ทว่าเขากลับไม่เคยประสบความสำเร็จในความรักเลยสักครั้ง จนกระทั่งเวลาผ่านไป 14 ปี เหวยกู้รับราชการเป็นขุนนางใหญ่โต และได้แต่งงานกับบุตรสาวของหวังไท่ ผู้ตรวจการเมืองเซี่ยงโจว หลังจากแต่งงาน เหวยกู้พบว่าภรรยามีรอยแผลเป็นจางๆ อยู่ที่บริเวณคิ้ว เมื่อสอบถามจึงได้ความว่า เป็นรอยแผลจากเหตุการณ์เมื่อ 14 ปีก่อน ตอนไปท่องเที่ยวที่เมืองซ่งเฉิง ขณะที่แม่นมอุ้มเธอเดินเล่นอยู่ที่ตลาดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีคนร้ายพุ่งตรงมาหมายจะใช้มีดแทงเธอ โชคดีที่โดนเพียงแค่บริเวณคิ้ว แต่ก็กลายเป็นแผลเป็นจนถึงทุกวันนี้ เมื่อเหวยกู้ได้ยินก็ตกใจมาก จึงเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีก่อนให้หวังไท่และภรรยาฟัง ด้วยความสำนึกผิดในตอนนั้นเอง เขาจึงเชื่อคำพูดของตาเฒ่าแปลกหน้า ซึ่งแท้จริงแล้วคือ เทพพ่อสื่อ ผู้ดูแลเรื่องคู่ครองของมนุษย์ ตั้งแต่นั้นมา เหวยกู้และภรรยาจึงทะนุถนอมความรักครั้งนี้เป็นอย่างมาก ต่างคนต่างซาบซึ้งในวาสนาที่มีต่อกันตั้งแต่ชาติปางก่อน และครองรักกันอย่างมีความสุข ต่อมา นายอำเภอซ่งเฉิงทราบเรื่องราวนี้ จึงได้เปลี่ยนชื่อโรงเตี๊ยมหนันเตี๊ยน เป็น "ติ้งฮุนเตี๊ยน" หรือร้านมั่นหมาย
เรื่องราวผู้เฒ่าจันทรากับด้ายแดงวิเศษ สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสของชาวจีนในสมัยราชวงศ์ถังที่ว่า เทพเจ้าเบื้องบนเป็นผู้ลิขิตชะตาชีวิตของมนุษย์ โดยที่ตัวมนุษย์เองไม่สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงชะตานี้ได้ เรื่องราวของผู้เฒ่าจันทรา ได้รับความนิยมในหมู่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก จนมีการเผยแพร่ในหลายรูปแบบ แม้ว่าทุกวันนี้ คนจีนจะมีทัศนคติต่อเรื่องโชคชะตาต่างจากยุคโบราณไปมาก แต่ความเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาส และผู้เฒ่าจันทรา ยังคงสืบทอดมาจนถึงทุกปัจจุบัน เห็นได้จากในประเทศจีน มีศาลผู้เฒ่าจันทราอยู่หลายแห่ง แต่ละแห่งล้วนมีผู้คนมาขอพรเรื่องความรักกันอย่างไม่ขาดสาย หนึ่งในศาลผู้เฒ่าจันทราที่มีชื่อเสียงที่สุดคือ ตำหนักผู้เฒ่าจันทราบริเวณทะเลสาบซีหู เมืองหังโจว บริเวณประตูตำหนักมีกลอนคู่บทหนึ่งซึ่งเป็นที่คุ้นหูคุ้นตากันดีในหมู่คนจีน เนื้อหากล่าวถึงความเชื่อเรื่องบุพเพสันนิวาสส ะท้อนให้เห็นถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะได้พบเจอและครองคู่กับผู้มีวาสนาต่อกัน ดังนี้
ขอคู่รัก ทุกแห่งหน บนโลกนี้
ได้ครองคู่ เคียงฤดี ดั่งที่ฝัน
ตามลิขิต แต่ปางก่อน ย้อนผูกพัน
หวังบุพเพ คงมั่น ไม่คลาดคลา
สำหรับที่จังหวัดอุบลราชธานี ผู้ที่มีความเชื่อ ความศรัทธา หรืออยากพิสูจน์ตำนานความรักแบบฉบับชาวจีน ดังเรื่องของ ผู้เฒ่าจันทรา สามารถชักชวนคนรักไปผูกด้ายแดง เชื่อมความรัก ความผู้พันไว้ต่อกันได้ที่ มูลนิธิสว่างบูชาธรรมสถาน อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี (ข้างดูโฮมวัสดุ)