เที่ยว สปป. ลาว จ่ายง่ายด้วย LAO QR Code
ตั้งแต่ 5 กรกฎาคม 2567 ผู้ใช้บริการจากไทยไปเที่ยว สปป. ลาวสามารถใช้แอปพลิเคชันของธนาคารกรุงศรีอยุธยา สแกน LAO QR code เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าใน สปป. ลาวที่เข้าร่วมโครงการ
ในไตรมาส 4/2567 จะมีธนาคารไทยร่วมให้บริการเพิ่มเติม ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกสิกรไทย
ทั้งนี้ เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้ใช้บริการจาก สปป. ลาวสามารถใช้แอปพลิเคชันของธนาคารพาณิชย์ลาวมาสแกน Thai QR code เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าในไทย ซึ่งโครงการมีผลตอบรับที่ดี ในเดือนเมษายนเดือนเดียว มียอดธุรกรรมกว่า 47 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 ในห้วงการประชุมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและผู้ว่าการธนาคารกลางอาเซียน (ASEAN Finance Ministers’ and Central Bank Governors’ Meeting) ครั้งที่ 11 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารแห่ง สปป. ลาว (Bank of the Lao PDR: BOL) ได้เปิดตัวการให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR ระหว่างประเทศไทย และ สปป. ลาว โดยเป็นความสำเร็จในการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินรายย่อยแบบทันทีระหว่างสองประเทศ ซึ่งมีเป้าหมายสนับสนุนการใช้สกุลเงินท้องถิ่น เพื่อการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยว ภายใต้แผน ASEAN Payment Connectivity เพื่อส่งเสริมการเติบโตและการพัฒนาอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจในภูมิภาค
บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR ดังกล่าว จะรองรับการทำธุรกรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะจากธุรกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับภาคการท่องเที่ยว ซึ่งปี 2566 ที่ผ่านมา ไทยและลาวมีจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันสูงถึง 2 ล้านคน และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคต
ระยะแรก ผู้ใช้บริการจาก สปป. ลาวสามารถใช้แอปพลิเคชันบนมือถือของธนาคารพาณิชย์ลาว ที่เข้าร่วมโครงการ สแกน Thai QR code เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าในไทยที่เข้าร่วมโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2567 เป็นต้นไป
ระยะที่สอง ผู้ใช้บริการจากไทยจะสามารถใช้แอปพลิเคชันบนมือถือของธนาคารพาณิชย์ไทยที่เข้าร่วมโครงการ สแกน LAO QR code เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการกับร้านค้าใน สปป. ลาวที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะเริ่มภายในเดือนมิถุนายน 2567
ในโอกาสนี้ นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธปท. กล่าวว่า “ธปท. ให้ความสำคัญกับการยกระดับบริการชำระเงินระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดย สปป. ลาวนับเป็นประเทศที่ 6 ในกลุ่มอาเซียนที่ไทยประสบความสำเร็จในการเชื่อมโยงระบบชำระเงินระหว่างประเทศ เพิ่มเติมจากกัมพูชา มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นไปตามแผน ASEAN Payment Connectivity โดย ธปท. เชื่อมั่นว่า บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความสะดวกในการชำระเงินของประชาชนทั้งสองประเทศ ผ่านการทำธุรกรรมที่รวดเร็วขึ้นและต้นทุนที่เหมาะสม อันจะช่วยส่งเสริมให้เศรษฐกิจของอาเซียนเติบโตร่วมกันและสนับสนุนการก้าวเข้าสู่สังคมดิจิทัล”
นายบุนเหลือ สินไซวอละวง ผู้ว่าการธนาคารแห่ง สปป. ลาว กล่าวว่า “ความร่วมมือด้านบริการทางการเงินระหว่าง สปป. ลาว และประเทศไทย สะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันในการผลักดันการเชื่อมโยงเศรษฐกิจระดับภูมิภาค รวมถึงความมุ่งมั่นในการกระชับความสัมพันธ์และส่งเสริมการเจริญเติบโตร่วมกันเพื่อสนับสนุนการพัฒนาทางเศรษฐกิจของภูมิภาค
การเปิดให้บริการชำระเงินข้ามพรมแดนผ่าน QR แสดงถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีทางการเงินที่ช่วยให้การทำธุรกรรมระหว่างประเทศมีความสะดวก มีประสิทธิภาพ และมีความปลอดภัยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ สามารถแก้ไขอุปสรรคของการทำธุรกรรมที่เคยมีและอํานวยความสะดวกในการทำธุรกรรมชำระเงินระหว่าง สปป. ลาว และประเทศไทย”
โครงการนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายภาคส่วน ทั้งการผลักดันจากธนาคารกลาง คือ ธปท. และ ธนาคารแห่ง สปป. ลาว ผู้ให้บริการระบบการชำระเงิน ได้แก่ บริษัท เนชั่นแนล ไอทีเอ็มเอ็กซ์ จำกัด และ Lao National Payment Network (LAPNet) และผู้ให้บริการชำระดุลระหว่างประเทศ ได้แก่ ธนาคารกสิกรไทย และ Banque Pour Le Commerce Exterieur Lao (BCEL) รวมทั้งผู้ให้บริการชำระเงินหลายรายที่เข้าร่วมให้บริการแอปพลิเคชัน ได้แก่ ธนาคารพาณิชย์ของไทย 2 แห่ง และธนาคารพาณิชย์ของ สปป. ลาว 6 แห่ง และผู้ให้บริการชำระเงินอีกหลายแห่งที่ให้บริการ QR แก่ร้านค้าของทั้งสองประเทศ โดยมีรายชื่อตามเอกสารแนบ ซึ่งจะมีผู้เข้าร่วมให้บริการเพิ่มเติมในระยะต่อไป