guideubon

 

ธรรมยาตรา เพื่อธรรมาศรม สักการะพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา

พุทธชยันตี-นาลันทา-ศันสนีย์-01.jpg

คณะแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี จัดโครงการ “ธรรมยาตรา เพื่อธรรมาศรม” เสถียรธรรมสถานและสาวิกาสิกขาลัย โดยอัญเชิญพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา ประดิษฐาน ระหว่างวันที่ 18 – 19 กันยายน 2559 โดยมีกิจกรรมสวดมนต์ ทำวัตรเย็นหน้าพระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา เวลา 18.00 น. ของทุกวัน และในวันที่ 19 กันยายน 2559 เวลา 13.30 – 16.00 น. จะมีการสนทนาธรรมจากท่านแม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต ในหัวข้อ “สตรีคือสติ”

ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมปฏิบัติธรรม และชมนิทรรศการ ณ หอประชุมไพรพะยอม มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี

พุทธชยันตี-นาลันทา-ศันสนีย์-02.jpg

หินจากบ่อเดียวกัน สร้างพระพุทธรูปลักษะเดียวกัน ห่างกัน 1,000 ปี..... จากพระพุทธรูปองค์ดำนาลันทา สู่ พระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา..... จากแดนพุทธภูมิ สู่ แดนสุวรรณภูมิ

พระพุทธรูปองค์ดำนาลันทา เป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะที่ งดงาม พระเกตุทรงบัวตูม ปางนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ชี้แม่พระธรณีเป็นพยาน ตามที่คนไทยนิยมเรียกว่า "ปางมารวิชัย" แกะสลักจากหินแกรนิตสีดำ หน้าตักกว้าง 60 นิ้วฟุต สูงรับจากพระเพลาถึงยอดพระเกตุ 69 นิ้วฟุต เป็นพระพุทธรูปที่มีความสมบูรณ์ที่สุด พระนาสิกวิ่นและนิ้วพระหัตถ์บิ่นเล็กน้อย ซึ่งมีอายุ 1,000 กว่าปี สร้างเมื่อสมัยพระเจ้าเทวาปาล คือระหว่าง พ.ศ.1353-1393 ตั้งอยู่ทางตะวันตกของมหาวิทยาลัยนาลันทา มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งแรกของโลกที่ปรากฎมีอยู่จริง ตามบันทึกของพระถังซำจั๋ง พระจีนที่เคยเดินทางไปศึกษาพระพุทธศาสานาที่มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาถึง 14 ปี

เป็นพระพุทธรูปองค์เดียวเท่านั้น ที่เหลือจากการทำลายของคนศาสนาอื่น จากบันทึกของท่านตารนาท ธรรมสวามินปราชญ์ เขียนเอาไว้ว่า "เมื่อกองกำลังติดอาวุธ บุกมาหมายบดขยี้มหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทา ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่สำคัญของพระพุทธศาสนา ทั้งพระนักศึกษาและพระคณาจารย์พร้อมด้วยชาวพุทธพากันไปหลับภัยอยู่หลังองค์ พระพุทธรูปองค์ดำ ด้วยอภินิหารแห่งพระพุทธ รูปองค์ดำทำให้กองกำลังต่างศาสนาไม่สามารถมองเห็นชาวพุทธเหล่านั่นได้"

เมื่อพระพุทธรูปองค์ดำเหลือรอดจากการถูกทำลายของคนต่างศาสนา และไม่ถูกอังกฤษยึดไป พระองค์ยังประทับอยู่ที่เดิม แม้ในกาลภายหลังทางรัฐบาลอินเดียพยายามที่จะย้ายท่านไปเก็บรักษาไว้ภายใน พิพิธภัณฑ์เมืองนาลันทา ซึ่งเก็บรวบรวมหลักฐานพระพุทธรูปต่างๆ ที่ต้นพบในบริเวณนาลันทาและราชคฤห์ แต่ทุกครั้งที่มีการโยกย้ายมักเกิดเหตุอาเพททีไม่คาดฝันเสมอ เช่น ฝนตกอย่างหนักเกิดฟ้าผ่าอย่างรุนแรงเป็นต้น เป็นเหตุให้การโยกย้ายองค์พระไม่สำเร็จ

ต่อมาชาวบ้านละแวกนั้นได้ โดยที่บิดามารดำนำบุตรที่เจ็บป่วยหรือผอมแห้งแรงน้อยนั้นพร้อมด้วยน้ำมันเนย ไปวางไว้ใกล้องค์พระ อธิษฐานจิตแล้วนำน้ำมันเนยนั้นลูบและชโลมให้ทั่วองค์ จากนั้นเอามือที่ลูบพระองค์พระมาลูบไล้ทั่วตัวเด็ก ตั้งแต่นั้นมาเด็กคนนั้นก็เริ่มแข็งแรงและอ้วนท้วนเหมือนรูปองค์พระ ประชาชนเห็นเป็นอัศจรรย์ จึงถวายพระนามท่านว่า หลวงพ่อน้ำมัน (เตลิยะบาบา) บ้างหลวงพ่ออ้วน (โมต้าบาบา) บ้าง ชาวอินเดียสักการบูชาพระพุทธองค์ดำด้วยต้นข้าวสาลีและน้ำมันเนย....

พุทธชยันตี-นาลันทา-ศันสนีย์-03.jpg

พระพุทธชยันตีองค์ดำ นาลันทา แกะสลักจากหินแกรนิต สีดำ จากทวีปแอฟริกา บ่อเดียวกันกับพระพุทธรูปองค์ดำ นาลันทา สร้างเมื่อ พ.ศ. 2555 หลังจากเป็นพระประธานในการสวดมนต์ข้าม 26 ศตวรรษ ที่ท้องสนามหลวง ก็ได้อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ เสถียรธรรมสถาน เพื่อเป็นพระประธานของสาวิกาสิกขาลัย มหาวิชชาลัยธรรมะ