วิธีเลือกซื้อยาแก้แพ้แก้คันผิวหนัง สำหรับคนขี้แพ้
ภูมิแพ้เป็นปัญหาสุขภาพที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน อาการภูมิแพ้ที่พบได้บ่อย ได้แก่ อาการคันผิวหนัง จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล ตาแดง น้ำตาไหล หายใจไม่สะดวก เป็นต้น อาการเหล่านี้อาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกไม่สบายตัวและรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ยาแก้แพ้เป็นยาที่ใช้รักษาอาการภูมิแพ้ แก้คันผิวหนัง มีหลายชนิด แต่ละชนิดมีกลไกการออกฤทธิ์และผลข้างเคียงที่แตกต่างกัน การเลือกซื้อยาแก้แพ้จึงควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังนี้
ประเภทของยาแก้แพ้ แก้คันผิวหนัง
ยาแก้แพ้ แก้คันผิวหนัง สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
1. ยาแก้แพ้แบบดั้งเดิม (First-generation antihistamines) ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วภายใน 30 นาที แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม ปากแห้ง เวียนศีรษะ
2. ยาแก้แพ้แบบใหม่ (Second-generation antihistamines) ออกฤทธิ์ช้ากว่ายาแก้แพ้แบบดั้งเดิม แต่มีความปลอดภัยมากกว่า ไม่ทำให้เกิดอาการง่วงซึมมากนัก
นอกจากนี้เรายังสามารถแบ่งยาแก้แพ้ แก้คันผิวหนัง แบ่งออกเป็นชนิดต่างๆ ตามรูปแบบของการใช้งาน ได้แก่
● ยาแก้แพ้แบบรับประทาน (Oral antihistamines) เป็นรูปแบบยาที่นิยมใช้กันมากที่สุด
● ยาแก้แพ้แบบพ่นจมูก (Nasal antihistamines) เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้จมูก เช่น คัดจมูก น้ำมูกไหล
● ยาแก้แพ้แบบหยอดตา (Eye drops antihistamines) เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ตา เช่น ตาแดง น้ำตาไหล
อาการแพ้ที่ผู้ป่วยเป็นอยู่จะเป็นตัวกำหนดชนิดและขนาดของยาแก้แพ้ที่เหมาะสม ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่มีอาการคันผิวหนังเพียงอย่างเดียว อาจใช้ยาแก้แพ้ แก้คันผิวหนังแบบรับประทานชนิดแคปซูลหรือเม็ด ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการแพ้จมูกร่วมด้วย อาจใช้ยาแก้แพ้แบบพ่นจมูกควบคู่กัน
ต้องใช้ยาแก้แพ้ แก้คันผิวหนังนานแค่ไหน
ระยะเวลาในการใช้ยาแก้แพ้จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการแพ้ ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้เพียงเล็กน้อยอาจใช้ยาแก้แพ้เพียงชั่วคราว เมื่ออาการแพ้หายไปก็สามารถหยุดใช้ยาได้ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการแพ้รุนแรงอาจต้องรับประทานยาแก้แพ้อย่างต่อเนื่อง
คำแนะนำในการเลือกซื้อยาแก้แพ้
ในการเลือกซื้อยาแก้แพ้ ผู้ป่วยควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้
● ประเภทของยาแก้แพ้ สำหรับผู้ที่ต้องทำงาน ขับรถ หรือต้องทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร แนะนำให้เลือกยาชนิดที่ไม่ง่วง
● ชนิดของยาแก้แพ้ ควรเลือกชนิดที่เหมาะกับอาการแพ้ที่ผู้ป่วยเป็นอยู่
ข้อควรระวังในการใช้ยาแก้แพ้
ผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด ไม่ควรรับประทานยาแก้แพ้เกินขนาด เนื่องจากอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง เช่น หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตต่ำ ชัก
นอกจากนี้ผู้ป่วยควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากมีประวัติแพ้ยาหรือโรคประจำตัวอื่นๆ เนื่องจากอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยาได้
การเลือกซื้อยาแก้แพ้แก้คันผิวหนังควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ยาแก้แพ้ที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยต่อผู้ป่วย