จัดธุดงค์พระธรรมทูต เริ่มที่ จ.อุบลฯ บ้านเกิดพระมหาผ่อง สังฆราชลาว
ประมาณเดือนพฤษภาคม 2559 นี้ ไกด์อุบลทราบข่าวว่า จังหวัดอุบลราชธานีจะมีงานบุญใหญ่อีกครั้ง เป็นการ จัดธุดงค์พระธรรมทูตในประเทศสุวรรณภูมิ เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเส้นทางลุ่มน้ำโขง โดยเริ่มจาก บ้านเกิดพระมหาผ่อง ซึ่งอยู่ที่ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
วันที่ 20 มกราคม 2559 สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 จัดพิธีทำบุญอัฐิพระมหาผ่อง สะมาเลิก พระสังฆราชลาว รูปที่ 4 พร้อมประชุมร่วมกับตัวแทนพระธรรมทูต เพื่อเตรียมการจัดธุดงค์พระธรรมทูตในประเทศสุวรรณภูมิ 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม และพม่า เพื่อเผยแผ่พระพุทธศาสนาในเส้นทางลุ่มน้ำโขง เริ่มจาก บ้านเกิดพระมหาผ่อง อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เริ่มเดือนพฤษภาคม 2559 นี้
อริยสงฆ์เมืองอุบล ดร.มหาผ่อง สะมาเลิก พระสังฆราช สปป.ลาว
พระมหาผ่อง สะมาเลิก อริยสงฆ์ 2 แผ่นดิน หรือ 2 ฝั่งโขง เกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายน พ.ศ.2459 ที่ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี ประเทศไทย ได้บรรพชาและอุสมบทที่วัดโพธิ์ศรี อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2479 และได้เข้ามาอยู่วัดชนะสงคราม บางลำพู โดยญาติพี่น้องได้สำทับว่า หากไม่ได้เป็นมหาเปรียญ อย่าได้กลับ จ.อุบลราชธานี ท่านจึงทุ่มเทเรียนปริยัติธรรมที่วัดชนะสงครามอย่างเต็มที่ จนสามารถสอบได้เปรียญธรรม 6 ประโยค เข้ารับพระราชทานพัดเปรียญจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล (รัชกาลที่ 8) ใน พ.ศ. 2489
จากนั้น ได้ทำหน้าที่สอนพระปริยัติธรรมที่วัดชนะสงครามอีก 6 ปี รวมเวลาที่เป็นนักเรียนและครูที่วัดชนะสงคราม 16 ปี หลังจากนั้นได้เข้าร่วมขบวนปลดปล่อยประเทศลาวอย่างเต็มตัว และอยู่ฝั่ง สปป.ลาวนับแต่ พ.ศ.2495 เป็นต้นมา จนกระทั่ง พ.ศ.2498 จึงได้รับอาราธนาให้ไปสอนหนังสือที่วัดพระเจ้าองค์ตื้อ นครหลวงเวียงจันทน์ พ.ศ.2500 จึงได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะเมืองโพนทอง ครั้น พ.ศ.2515 จึงได้เลื่อนเป็นเจ้าคณะแขวงจำปาศักดิ์
ต่อมาในปี พ.ศ.2519 ท่านได้รับนิมนต์ให้ไปดำรงตำแหน่ง รองประธานศูนย์กลางองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว ประจำ ณ วัดพระเจ้าองค์ตื้อ นครหลวงเวียงจันทน์ ณ ที่แห่งนั้น ท่านได้สร้างผลงานโดดเด่นขึ้นมาในโลกพระพุทธศาสนา คือการประสานงานรอมชอมพระสงฆ์ 2 นิกาย อันได้แก่ มหานิกายและธรรมยุติกนิกาย ซึ่งแตกแยกมานาน ให้สมานฉันท์ ยินยอมพร้อมใจกันรวมนิกายเข้าเป็นหนึ่งเดียว รวบทั้งยุบเลิกสมณศักดิ์และตำแหน่งทั้งปวง พระสงฆ์ลาวทั้งสองนิกายต่างพร้อมใจกันทำสังฆสามัคคีอุโบสถ ณ นครหลวงเวียงจันทน์ ในวันแรม 3 ค่ำ เดือน 7 ปีวอก (ตรงกับวันอาทิตย์ ที่ 1 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2523) ว่า ณ บัดนี้ ไม่มีนิกายสงฆ์ในลาวอีกต่อไปแล้ว มีแต่พระสงฆ์ลาวเท่านั้น
พ.ศ.2553 ญาท่านพระมหาวิจิตร วีรญาโณ (สิงหะราช) ประธานศูนย์กลางองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์ลาว รูปที่ 3 ได้ถึงแก่มรณภาพลง ญาท่านพระมหาผ่อง ปิยธีโร (สะมาเลิก) จึงได้รับการยกย่องขึ้นดำรงตำแหน่งประธานศูนย์กลางองค์การพุทธศาสนาสัมพันธ์ ลาว เป็นรูปที่ 4 ซึ่งตำแหน่งนี้เทียบเท่ากับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชของไทย