ลาแล้วบางกอก หนุ่มอุบลคืนถิ่น ทำนาทำไร่ รายได้ดี ครอบครัวอบอุ่น
นายทวี สมภาพ พ่อค้าและเกษตรกร ผู้บ่าวไทบ้าน บ้านหนองแปน ต.นาดี อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี ทิ้งทุนเดิมของชีวิต ที่ดินทำกินของพ่อแม่กว่า 30 ไร่ ผันตนไปเป็นมนุษย์เงินเดือนรายวันย่านประตูน้ำ ตั้งแต่อายุ 20 ปี พบรักกับภรรยา แม่จัน สมภาพ มีลูกสาว 1 คน จนปัจจุบัน 40 ปี ตัดสินใจกลับมาตอบแทนคุณผู้ให้กำเนิด ทำนาทำไร่ในที่ดินของพ่อแม่ และทำกิจการของตัวเองที่อุบลราชธานี มีชีวิตที่พอเพียง ครอบครัวที่อบอุ่น ไม่คิดกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ อีก
คุณทวี สมภาพ และภรรยา ใช้ชีวิตที่กรุงเทพมหานคร เป็นช่างรีดอัดกลับเสื้อผ้าแถวประตูน้ำ มาตลอดเวลา 20 ปี ทำมานานจนเกิดความชำนาญ เป็นงานที่ขึ้นกับความขยันล้วนๆ เพราะรายได้มาจากการรีดรายตัวตัวละ 5 บาท 10 บาท รีดมากได้มาก รีดน้อยได้น้อย มีแรงผลักดันคือครอบครัว ที่ต้องช่วยกันเก็บเงิน และส่งตัวน้อยเรียนหนังสือ ด้วยความที่ต้องทำงานหนัก ไม่มีเวลาให้ลูก จึงต้องให้ไปอยู่กับบ้านแม่ยายที่ จังหวัดหนองคาย
คุณทวี สมภาพ พักอาศัยอยู่แถวแฟลตดินแดง รายได้รวมๆ สองคนประมาณ 20,000 บาท ยังไม่รวมหักค่าใช้จ่ายต่างๆ แม้จะนับว่ารายได้สูง แต่ก็ยังไม่เพียงพอ จนมาถึงจุดเปลี่ยนเมื่อปี 2554
“ แม่ผมเริ่มป่วยเป็นอัลไซเมอร์ พ่อดูแลคนเดียวไม่ไหวอายุแกก็ 73 แล้ว ผมมีพี่น้อง 5 คน ผมเป็นคนที่ 4 ต่างก็ไปอยู่ในเมืองบ้าง กรุงเทพฯ บ้างผมจึงตัดสินใจบอกแฟนจะกลับมาบ้าน ทั้งๆ ทีไม่รู้ว่าจะมีรายได้จากอะไร พอมาครั้งแรกยังเคว้งๆ เพราะผมทำงานรีดเสื้อ อยู่กับจักรเย็บผ้ามาตลอด ตัดสินใจขายเลย ยกมาก็ไม่รู้จะรับงานจากไหน แต่ก็โชคดีที่พ่อมีที่นา ที่ไร่ ก็เลยลองผิดลองถูก ปลูกมันขายโรงแป้งใกล้ๆ ไม่เกิน 3 กม. ดินพอปลูกได้อยู่ แต่ก็ต้องมาเริ่มใหม่
เนื่องจากที่ดินของคุณทวี สมภาพ อยู่ใกล้กับโรงงานอุบลไบโอเอทานอล จึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ "อุบลโมเดล" ได้รับการถ่ายทอดความรู้เพื่อพัฒนาการปลูกมันสำปะหลังให้ได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น และลดต้นทุนการผลิตให้ต่ำลง จากเดิมที่ไม่มีความรู้เรื่องดินเลย ก็ได้เรียนรู้เรื่องดิน เรื่องปุ๋ย แถมยังได้รับการต่อท่อกระจายน้ำบำบัด ไม่ต้องลงทุนซื้อปุ๋ยเคมี ทำให้ประหยัดค่าปุ๋ยไปได้นับหมื่นบาทต่อปี
พอเรื่องที่นาที่ไร่เริ่มเข้าที่ ก็คิดว่าจะหารายได้เพิ่ม เห็นมีโรงงานเอทานอลกำลังก่อสร้าง คนงานเยอะ ก็เลยชวนแฟนกลับมาอยู่บ้านด้วย เขาพอมีฝีมือทำอาหารอยู่ เลยมาลองทำกับข้าวถุงๆ ขาย ปรากฏว่าตอบรับดีเพราะคนงานเลิกเที่ยงก็แวะมาซื้อกัน ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงหมด รายได้วันละเกือบพันทุกวัน เริ่มมีกำลังใจ รายได้ก็ได้พอๆ กันที่กรุงเทพ แต่ที่ได้มามากๆ คือ เวลาเราจัดการเอง มีเวลาดูแลแม่ที่ป่วย ดูแลสวนแทนพ่อ นั่นถือว่าสุดยอด” นายทวี กล่าว
วันนี้..นับเป็นจุดเริ่มต้นที่คุณทวี ได้วางเส้นทางชีวิตที่บ้านเกิด การเก็บเล็กผสมน้อยเรื่องเกษตรจากที่ไม่เคยทำ จนวันนี้ได้ลองเรียนรู้จนสามารถประกอบอาชีพเลี้ยงดูตนเอง ครอบครัว พ่อแม่ได้ นับว่าเป็นความโชคดีที่มนุษย์ทุกคนมีเป้าหมายไว้ พร้อมอย่าลืมสิ่งสำคัญที่คุณทวี ได้แลกเปลี่ยนคือ “ความกตัญญู
" ผมเชื่อว่าคนทุกคนต้องกลับบ้าน อย่าไปคิดว่าที่บ้านไม่มีอะไรให้เราทำ เพียงแค่เราคิดก็เกิดกำแพงในใจแล้ว อยู่ด้วยความพอเพียง เราจะอยู่ได้ ไม่โลภ ไม่หลง ไม่โกรธ ความสุขก็จะอยู่กับเรา เสียดายเหมือนกันนะ มานั่งคิดๆ เพราะผมไปเจอคนอีสานเก่งๆ เยอะมาที่กรุงเทพ หรือเมืองใหญ่ๆ อย่างพัทยา สมุทรปราการ ช่างไฟฟ้า ช่างเหล็ก เก่งมาก แต่ไม่ได้กลับมาทำงานที่บ้าน ก็อยากให้มารวมๆ กันอุบลจะได้พัฒนา ลูกหลานเรายังขาดครู พ่อแม่เราขาดแรงงานก็อยากให้มุ่งมั่น ผมเชื่อมากเรื่องความมุ่งมั่น มันทำให้มาได้ทุกวันนี้”
ปัจจุบันคุณแม่ของคุณทวี สมภาพ เสียชีวิตเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา คุณพ่อไม่ได้ทำงานแล้ว ใช้ชีวิตอยู่กับลูกชายและสะใภ้ด้วยสุขภาพที่แข็งแรง ส่วนลูกสาวของคุณทวี กำลังเรียนหนังสือชั้น ป.5 ขึ้น ป.6 เพื่อให้การเรียนต่อเนื่อง จึงให้อยู่กับยายจนจบชั้น ป.6 แล้วจะรับมาอยู่ที่อุบลฯ พร้อมหน้าพร้อมตา พ่อแม่ลูก คุณทวีมีอาชีพหลักคือการเกษตร ทำนา 10 ไร่ ปลูกมัน 22 ไร่ และมีผักสวนครัวผลไม้บ้างไว้ทานในครอบครัว ช่วงรอผลผลิต ใช้ชีวิตคู่กับภริยาค้าขายกับข้าวตามตลาดในชุมชน ยามว่างมีไก่ชนไว้ให้ใช้ชีวิตตามวิถี พร้อมกับเป็นอาสาสมัครทำงานในหมู่บ้าน เป็นหน่วยความปลอดภัยเวลามีงานมหรสพ หรือเวลามีงานศพผู้ใหญ่บ้านเรียกไปช่วยทำหน้าที่เทียบเท่าสัปเหร่อ คุณทวีได้เล่าให้เราฟังด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจที่นึกย้อนจากเมืองหลวง สู่ใต้ร่มหลังคาบ้านเจ้าของ ม.9 บ้านหนองแปน ต.นาดี อ.นาเยีย จ.อุบลราชธานี อย่างภาคภูมิใจ