24 จังหวัด เข้าอุบลฯ ต้องกักตัว 14 วัน เริ่ม 16 ก.ค.64
วันที่ 16 กรกฎาคม 2564 นายสฤษดิ์ วิฑูรย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ออกคำสั่งจังหวัดอุบลราชธานี เรื่อง มาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สำหรับบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด
ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) กำหนดให้พื้นที่กรุงเทพมหานคร จังหวัดนครปฐม จังหวัดนราธิวาส จังหวัดนนทบุรี จังหวัดปทุมธานี จังหวัดปัตตานี จังหวัดยะลา จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสงขลา รวม 10 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
และกำหนดให้พื้นที่จังหวัดกระบี่ จังหวัดกาญจนบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดชลบุรี จังหวัดชัยนาท จังหวัดตาก จังหวัดนครนายก จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดนครศรีธรรมราช จังหวัดนครสวรรค์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดปราจีนบุรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดเพรรบุรี จังหวัดระนอง จังหวัดระยอง จังหวัดราชบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสระบุรี จังหวัดสิงห์บุรี จังหวัดสุพรรณบุรี จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดอุทัยธานี รวม 24 จังหวัด เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด นั้น
คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดอุบลราชธานี ออกมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) สำหรับบุคคลที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด ตั้งแต่วันที่ 16 กรกฏาคม 2564 เป็นต้นไป จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น ดังนี้
ข้อ 1 ให้ประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเป็นผู้เดินทางเข้าพักในหมู่บ้าน ชุมชนในจังหวัดอุบลราชธานี ให้ดำเนินการ ดังนี้
(1) ผู้โดยสารเครื่องบินให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ ท่าอากาสยานอุบลราชธานี
(2) ผู้โดยสารรถไฟ ให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ สถานีรถไฟอุบลราชธานี
(3) ผู้ที่เดินทางโดยรถยนต์สาธารณะ ให้รายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดอุบลราชธานี
(4) ผู้ที่เดินทางมาโดยยานพาหนะส่วนตัว ให้รายงานตัวต่อผู้นำชุมชน หรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) หรือเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่โดยทันที นับแต่เดินทางมาถึงจังหวัดอุบลราชธานี
(5) ให้ผู้นำชุมชนหรืออาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่รับรายงานตัวบุคคลตามข้อ 1 (4) บันทึกรายละเอียดการเดินทางของบุคคล และให้นำส่งแบบรายงานไปยังเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ ณ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล หรือสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ หรือโรงพยาบาลของรัฐในพื้นที่ภายในวันที่ได้รับรายงานตัว หากได้รับรายงานตัวในช่วงกลางคืนให้นำส่งแบบรายงานในเช้าวันรุ่งขึ้น
(6) ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ตรวจคัดกรองโรคออกคำสั่งให้ประชาชนที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด กักตัวเอง เป็นเวลา 14 วัน ณ พื้นที่กักกันโรคแห่งรัฐ ระดับจังหวัด/อำเภอ (LocalQuarantine) ในท้องที่ที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ฝ่ายสาธารณสุขกำหนด หรือกักตัวอยู่บ้าน (Home Quarantine) ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เฝ้าระวังติดตาม เพื่อให้คำแนะนำ ติดตาม สังเกต และบันทึกอาการทุกวัน โดยห้ามออกนอกพื้นที่กักกันตัวและหากมีอาการป่วยต้องแจ้งให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อทราบ ภายใน 3 ชั่วโมง นับแต่มีอาการป่วย เพื่อเข้ารับการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการด้วยวิธี RT-PCR หรือตามดุลพินิจของแพทย์
(7) หากบุคคลตามข้อ 1 ที่ถูกสั่งให้กักตัวมีเหตุจำเป็นต้องเดินทางไปยังพื้นที่อื่นนอกจังหวัดอุบลราชธานีก่อนครบกำหนดกักตัว ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขทำการวัดไข้และประเมินก่อนที่จะให้เดินทาง หากพบว่า มีอาการไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส หรือมีความเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้นำส่งโรงพยาบาลทันที
(8) หากพบว่ามีผู้ต้องกักตัว ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำและมีเจตนาฝ่าฝืนอย่างชัดแจ้งจนเป็นผลกระทบต่อส่วนรวมให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที และเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อพิจารณาออกคำสั่งให้กักตัวบุคคลดังกล่าว ที่สถานกักตัวบ้านยางน้อย อำเภอเขื่องใน (Local Quarantine) จนครบกำหนดเวลา
ข้อ 2 ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่ตรวจคัดกรองโรคของบุคคลที่เดินทางมาจากจังหวัดอื่นที่พบผู้ป่วยติดเชื้อ นอกจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด หรือมีประวัติเดินทางไปยังสถานที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรค หากพบว่า มีอาการไข้เกิน 37.5 องศาเซลเซียส ให้พิจารณาออกคำสั่งกักตัวบุคคลดังกล่าว (Home Quarantine) เป็นเวลา 14 วัน เพื่อให้คำแนะนำ ติดตาม สังเกต และบันทึกอาการทุกวัน และให้นำความในข้อ ๑ (๔), (๕) มาใช้บังคับกับบุคคลดังกล่าวด้วย
ข้อ 3 ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน เฝ้าระวังติดตามคันหาว่า มีบุคคลเดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด เข้ามาในพื้นที่รับผิดชอบ หรือเข้ามาพักอาศัย ในสถานประกอบการ โรงงาน หรือสถานที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่หรือไม่ โดยเคร่งครัด หากพบว่า มีผู้เดินทางมาจากพื้นที่ดังกล่าว ให้แจ้งกำกับให้มีการดำเนินการตามคำสั่งนี้ โดยเคร่งครัด
ข้อ 4 ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน รายงานจำนวนบุคคลตามข้อ 3 ต่อนายอำเภอทุกวัน และให้นายอำเภอรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ทุกวันก่อน เวลา 10.00 นาฬิกา จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง
ข้อ 5 ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน ประชาสัมพันธ์ให้คนในหมู่บ้านทราบว่า หากมีผู้เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด พักอยู่กับครัวเรือนผู้ใดและครัวเรือนนั้น มีผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง และเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ให้ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด
ข้อ 6 ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ประชาชนในจังหวัดอุบลราชธานี ถือปฏิบัติตามมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ดังนี้
(1) ใส่หน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ออกจากเคหะสถาน
(2) เว้นระยะห่างทางสังคม (Socal Distancing โดยให้อยู่ห่างจากบุคคลอื่นอย่างน้อย 1 เมตร
(3) หากพบว่ามีผู้ต้องกักตัว ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำ และแสดงออกโดยเจตนาที่เชื่อว่าเป็นการฝ่าฝืนต่อคำสั่งอย่างชัดแจ้ง และกระทบต่อความปลอดภัยและความสงบเรียบร้อยและมาตรการที่คณะกรรมการโรคติดต่อกำหนด ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายทันที และแจ้งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อโดยเร็ว
(4) ให้หมั่นล้างมือ
(5) ให้ตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย
(6) ให้ทุกหน่วยงาน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำชุมชน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทุกคนที่เดินทางเข้าในจังหวัดอุบลราชธานีบันทึกข้อมูลการเดินทางเข้าและออกจากพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยสแกนแอปพลิเคชั่น "ไทยชนะ" และ "ฮักอุบล" ก่อนเดินทางได้ที่ wwwhugubon.com พร้อมทั้งจัดเก็บภาพถ่าย QR Code ประจำบุคคลไว้เป็นหลักฐาน หรือบันทึกข้อมูลในแบบบันทึกข้อมูลที่สถานที่นั้น ๆ จัดไว้
ข้อ 7 ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ตามที่กำหนดไว้ในข้างต้น เว้นแต่ กรณีเป็นบุคคลที่ได้ปฏิบัติตามมาตรการในข้อหนึ่งข้อใด ดังต่อไปนี้
(1) แพทย์ พยาบาล บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องที่มีตำแหน่งหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี ที่ต้องเดินทางกลับจากการปฏิบัติงานในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่ควบคุมสูงสุด โดยให้มีการตรวจ Realtime PCR(RT-PCR) ทันที หากผลเป็นลบให้ปฏิบัติงานได้ตามปกติ หรือให้ทำงานที่ไม่สัมผัสกับคนอื่นหรือทำงานที่บ้าน
(2) ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ นอกเหนือจากข้อ 7 (1) ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด และเป็นผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยต้องมีการ Swab ก่อนเข้าพื้นที่ล่วงหน้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง และมีผลตรวจเป็นลบ
(3) ข้าราชการการเมือง ข้าราชการ หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐอื่นใด ที่มีความจำเป็นต้องเดินทางมาตรวจราชการหรือการปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือจัดทำบริการสาธารณะ ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยต้องมีการ Swab ก่อนเข้าพื้นที่ล่วงหน้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง และมีผลตรวจเป็นลบ หากเกินระยะเวลา 72 ชั่วโมง ให้เข้าสู่มาตรการกักตัวและตรวจยืนยันเพิ่มเติมตามมาตรการสาธารณสุขในสถานที่ที่กำหนดเป็นการเฉพาะต่อไป และเมื่อจะออกจากพื้นที่ให้มีการ Swab อีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันข้อมูล
(4) ผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด และพื้นที่ควบคุมสูงสุด เข้ามาในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี หรือเข้ามาพักอาศัยในสถานประกอบการหรือสถานที่อื่นในจังหวัดอุบลราชธานี เป็นการชั่วคราว และมีความจำเป็นอื่นต้องขับรถ พร้อมคนขนส่งสินค้าผ่าน หรือมีเหตุพิเศษอื่น 1 อาทิ ร่วมงานตามประเพณี และทางศาสนา งานศพ หรือมาตามหมายหรือคำสั่งของศาล โดยต้องมีการ Swab ก่อนเข้าพื้นที่ล่วงหน้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง และมีผลตรวจเป็นลบ หากเกินระยะเวลา 72 ชั่วโมง ให้เข้าสู่มาตรการกักตัวและตรวจยืนยันเพิ่มเติมตามมาตรการสาธารณสุขในสถานที่ที่กำหนดเป็นการเฉพาะต่อไป และเมื่อจะออกจากพื้นที่ให้มีการ Swab อีกครั้ง เพื่อเป็นการยืนยันข้อมูล
(5) ผู้ที่ได้รับวัคนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ชนิด AstraZeneca จำนวน 1 เข็ม มาแล้วไม่น้อยกว่า 14 วัน หรือวัคซีนชนิดอื่นครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิด และได้แสดงเอกสารรับรองซึ่งออกโดยโรงพยาบาลหรือหน่วยงานที่ได้รับมอบหมาย ตามรูปแบบและวิธีการที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด หรือหลักฐานการฉีดวัคซีน ต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคที่ประจำอยู่ ณ จุดตรวจ ว่าเป็นผู้ได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครบ 2 เข็ม หรือครบโดสตามจำนวนวัคซีนแต่ละชนิด แล้วแต่กรณี ให้บุคคลดังกล่าวข้างต้น ปฏิบัติตนตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด และต้องลงทะเบียนเข้าและออกจากสถานที่ โดยการ Scan QR Code "ไทยชนะ" และ "ฮักอุบล" หรือบันทึกข้อมูล ในแบบบันทึกข้อมูลที่สถานที่นั้น ๆ จัดไว้โดยเคร่งครัด
ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งนี้ มีความผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีความผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์กเฉิน พ.ศ.2548 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ แล้วแต่กรณี