พระพรหมวชิรญาณ ลงเรือแจกสิ่งของยังชีพผู้ประสบภัยน้ำท่วมอุบล
วันที่ 24 สิงหาคม 2560 พระพรหมวชิรญาณ กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดยานนาวา และประธานกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม พร้อมด้วยพระมหาเถระ พระเถระผู้ใหญ่ อาทิ พระเทพกิตติเวที เจ้าอาวาสวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เจ้าคณะภาค 17, พระเทพวิสุทธิโมลี รองเจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดจักรวรรดิราชาวาส, พระเทพกิตติมุนี เจ้าคณะจังหวัดนครพนม เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนม, พระเทพวราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี เจ้าอาวาสวัดมณีวนาราม, พระราชธรรมโกศล เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี (ธ) เจ้าอาวาสวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ, พระราชปัญญาสุธี รองเจ้าคณะภาค 11 ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง ลงพื้นที่ช่วยเหลือและให้กำลัง พระภิกษุสามเณร และประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
พระพรหมวชิรญาณ กล่าวว่า จากการที่มีการประชุมมหาเถรสมาคม โดยมี สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นประธาน ทรงห่วงใยพระภิกษุสามเณรและประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากเกิดภาวะน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ จึงได้มติมอบให้เป็นผู้แทนของมหาเถรสมาคมและคณะสงฆ์ นำคณะกรรมการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม เจ้าคณะพระสังฆาธิการในพื้นที่ และผู้แทนรัฐบาล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือคณะสงฆ์และชาวอีสาน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ รวมทั้งยังได้มอบปัจจัยเพื่อเป็นกองทุนเยียวยาพระภิกษุสามเณรและประชาชนผู้ประสบภัยอีกด้วย
พระมงคลวชิรากร เลขานุการฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเถรสมาคม กล่าวว่า ในนามของฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ของมหาเถรสมาคม ได้ประสานกับทางคณะสงฆ์และหน่วยงานภาครัฐระดมสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภคเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยไปแล้วก่อนหน้านี้รวม 16 ครั้ง ประกอบด้วยจังหวัดสกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด อำนาจเจริญ อุบลราชธานี โดยในครั้งนี้เป็นครั้งที่ 17
สำหรับเครื่องสมณบริโภค และถุงยังชีพที่นำมาถวาย/แจกนั้น เป็นเครื่องสมณบริโภค จากโครงการมหาเภรสมาคมช่วยภัยน้ำท่วม โดยฝ่ายสาธารณสงเคราะห์ ของมหาเภรสมาคม วัดยานนาวา และ บริษัท เนเจอร์กิฟ จำกัด เพื่อนำมามอบให้กับพระพระภิกษุสงฆ์ และประชาชน ผู้ประสบอุทกภัย ในเขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ ที่ได้รับผลกระทบจากพายุเซินกา จนน้ำมูลไหลล้นตลิ่งเอ่อท่วมบ้านเรือนของประชาชน ที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำมูล และพื้นที่ลุ่มต่ำ ต้องอพยพครอบครัว และทรัพย์สินมาอยู่ที่จุดอพยพชั่วคราว นานกว่า 1 เดือนแล้ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อน รวมทั้ง เสริมสร้างกำลังใจกับผู้ประสบภัยจนกว่าสถานการณ์จะเข้าสู่ภาวะปกติ