guideubon

 

ศาลอุทธรณ์ พิพากษากลับ ยกฟ้อง !! อธิการบดี ม.อุบลฯ หลัง 2 อาจารย์ ฟ้องหมิ่นประมาท

วันที่ 19 มีนาคม 2558 ศาลจังหวัดอุบลราชธานี นัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 คดีที่นายกังวาน ธรรมแสง และนายไท แสงเทียน อาจารย์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง รองศาสตราจารย์นงนิตย์ ธีระวัฒสุข จำเลย ข้อหาหมิ่นประมาท ทั้งนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยมีความผิด ลงโทษจำคุก 2 ปี และปรับ 80,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี จำเลยอุทธรณ์

นงนิตย์-ธีระวัฒสุข-อุบล-01.jpg
รองศาสตราจารย์นงนิตย์ ธีระวัฒสุข
อธิการบดี มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี

ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ได้อ่านคำพิพากษา เห็นว่า การกระทำของจำเลย ไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลจังหวัดอุบลราชธานี ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2558 เวลา 09.00 น. สรุปได้ ดังนี้

คดีนี้โจทก์ (นายกังวาน ธรรมแสง และนายไท แสงเทียน) ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2555 จำเลยหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งสองต่อนักข่าว นักศึกษาซึ่งเป็นบุคคลที่ 3 โดยการโฆษณาด้วยเอกสารและการกระจายเสียง โดยกล่าวหาว่าโจทก์ทั้งสอง ในขณะที่เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีนั้น ทุจริตต่อหน้าที่โดยเข้าไปเกี่ยวข้องและมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีของผู้บริหารชุดที่ผ่านมา

ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการใส่ความโจทก์ทั้งสองต่อสื่อมวลชนและบุคลากรของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 ลงโทษจำคุก 2 ปี และปรับ 80,000 บาท ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาโดยย่อในหนังสือพิมพ์รายวัน มติชนและวารสารของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เป็นเวลา 3 วันติดต่อกัน โดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าโฆษณา

จำเลยอุทธรณ์ ศาลจังหวัดอุบลราชธานี อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 ในวันที่ 19 มีนาคม 2558 ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาสรุปความว่า การที่จำเลยจัดแถลงข่าวและแจกจ่ายบันทึกแถงข่าว เป็นกรณีสืบเนื่องมาจาก การที่โจทก์ทั้งสองจัดปราศรัยเพื่อกล่าวโจมตีจำเลยขึ้น เพราะไม่พอใจที่จำเลยซึ่งดำรงตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี มีคำสั่งลงโทษทางวินัยแก่อาจารย์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และโจทก์ทั้งสองจัดการรวบรวมรายชื่อบุคลากรและนักศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ไปเสนอให้นายกสภามหาวิทยาลัย จำเลยจึงจัดแถลงข่าวขึ้นและแจกจ่ายบันทึกการแถลงข่าวเพื่อป้องกันตน

ข้อความในบันทึกที่โจทก์ทั้งสองอ้างว่าเป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งสองนั้น แบ่งออกเป็นสองตอน ตอนแรก กล่าวหาโจทก์ทั้งสองว่าในขณะที่เป็นผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีนั้น โจทก์ทั้งสองทุจริตต่อหน้าที่โดยเข้าไปเกี่ยวข้องและมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดรวม 3 กรณี คือ 1) กรณีการใช้จ่ายเงินของราชการโดยมิชอบและโดยไม่เป็นไปตามแบบแผนของทางราชการ 2) กรณีทุจริตยักยอกเงินกองคลัง สำนักงานอธิการบดีโดยเจ้าหน้าที่ 2 คน และ 3) กรณีทำสัญญาก่อสร้างหอพักนักศึกษาเสียเปรียบเอกชนโดยไม่มีการประเมินราคากลางและให้เอกชนเป็นผู้กำหนดราคาฝ่ายเดียว เป็นเหตุมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเสียหาย  

เห็นว่า เมื่ออ่านข้อความโดยตลอดแล้วคงได้ความว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีชุดที่ผ่านมาก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตทั้ง 3 กรณีขึ้น มิได้กล่าวหาว่าโจทก์ทั้งสองก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตทั้ง 3 กรณีขึ้นโดยตรง และแม้ว่าโจทก์ทั้งสอง จะเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองอธิการบดีอยู่ในผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีชุดที่ผ่านมาด้วยในบางช่วงบางเวลา จะถือเอาว่าจำเลยกล่าวหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งสองด้วยย่อมไม่ได้ เพราะผู้บริหารชุดที่ผ่านมามีหลายคน และปัญหาการทุจริตทั้ง 3 กรณีดังกล่าว เกี่ยวข้องกับผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีชุดที่ผ่านมาเฉพาะคน ซึ่งจะต้องรับผิดชอบไปตามแต่กรณี เพราะผู้บริหารแต่ละคนมีขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบแตกต่างกันไป

จำเลยมิได้เขียนข้อความกล่าวหาว่า ผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีชุดที่ผ่านมาทุกคน ก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตทั้ง 3 กรณี ข้อความในตอนแรกนี้จึงไม่เป็นการหมิ่นประมาทโจทก์ทั้งสอง

ส่วนข้อความในตอนที่สองนั้น เมื่ออ่านข้อความตามข้อ 3 ในบันทึกประกอบการแถลงข่าวของจำเลยดังกล่าวโดยตลอดแล้วคงได้ความว่า จำเลยเชื่อว่าผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีชุดที่ผ่านมาเข้าไปเกี่ยวข้องและมีส่วนร่วมในการก่อให้เกิดปัญหาการทุจริตทั้ง 3 กรณีขึ้น และการปราศรัยของโจทก์น่าจะเป็นการช่วยเหลือคนที่กระทำการดังกล่าว ที่อยู่ในผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีที่ผ่านมา เมื่อโจทก์ทั้งสองมิได้นำสืบว่าข้อสันนิษฐานของจำเลยดังกล่าว มิได้เป็นไปโดยสุจริต อีกทั้ง ตามที่จำเลยนำสืบก็ปรากฏว่าจำเลยได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนกรณีทุจริตทั้งสามแล้ว  ซึ่งผู้บริหารมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีชุดที่ผ่านมาคนใดคนหนึ่ง อาจมีส่วนเกี่ยวข้องและต้องรับผิดชอบ

นอกจากนั้น การเขียนข้อความตอนที่สอง ก็สืบเนื่องมาจากการที่โจทก์ทั้งสองจัดปราศรัย เพื่อกล่าวโจมตีจำเลย และได้รวบรวมรายชื่อบุคลากร นักศึกษาของมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ไปเสนอให้นายกสภามหาวิทยาลัยอุบลราชธานี พิจารณาการกระทำของจำเลยก่อน  การอ้างสาเหตุกระทำการให้เป็นเรื่องลุกลามใหญ่โตว่า เพียงแค่ไม่พอใจที่จำเลยมีคำสั่งลงโทษวินัยแก่อาจารย์เกินกว่าเหตุเท่านั้น ก็ไม่สมเหตุผล

เชื่อว่า ที่จำเลยเขียนข้อความตอนที่สองขึ้นนั้นเป็นการกระทำไปด้วยความเชื่อโดยสุจริตว่าโจทก์ทั้งสองจัดปราศรัยขึ้นเพื่อช่วยเหลือมิให้ได้ตัวผู้ต้องรับผิดชอบในการก่อให้เกิดการทุจริต  การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท

อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

นงนิตย์-ธีระวัฒสุข-อุบล-02.jpg