ศาลปกครองอุบลฯ เพิกถอนคำสั่งอนุญาโตฯ คดีสร้างหอพัก นศ. ม.อุบลฯ
วันที่ 29 กันยายน 2560 ศาลปกครองจังหวัดอุบลราชธานี พิพากษาเพิกถอนคำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ ที่ให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ชำระเงินค่าหอพักนักศึกษา กว่าสองร้อยล้านบาท ให้แก่บริษัทกำจรกิจก่อสร้าง จำกัด
คดีนี้ สืบเนื่องจาก มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี โดย ศาสตราจารย์ประกอบ วิโรจนกูฏ อดีตอธิการบดี ได้ทำสัญญากับ บริษัท กำจรกิจก่อสร้าง จำกัด เพื่อร่วมลงทุนก่อสร้างหอพักนักศึกษา โดยยกกรรมสิทธิ์ให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี บริหารจัดการเก็บผลประโยชน์ สัญญาเลขที่ ม.อบ.๐๑/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๘ โดยมีข้อตกลง ผ่อนชำระคืนเงินทุนในแต่ละเดือน รวมระยะเวลา ๒๕ ปี (หรือ ๓๐๐ เดือน) รวมเงินที่มหาวิทยาลัยต้องผ่อนชำระคืนให้บริษัท จำนวน ๖๘๙,๔๑๐,๗๑๔ บาท โดยแยกเป็นเงินต้น จำนวน ๒๖๕,๘๙๙,๘๗๔.๒๘ บาท และดอกเบี้ย อีกจำนวน ๔๒๓,๕๑๐,๘๓๙.๗๒ บาท
หลังจากนั้น วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๘ บริษัท กำจรกิจก่อสร้าง จำกัด ได้ทำสัญญาโอนสิทธิรับเงินตามสัญญาก่อสร้างทั้งหมดให้กับ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และธนาคารได้มีหนังสือแจ้งให้มหาวิทยาลัยทราบถึงการโอนสิทธิรับเงินดังกล่าว
ต่อมาวันที่ ๒๑ เมษายน ๒๕๕๔ บริษัทกำจรกิจฯ ได้ยื่นข้อเสนอต่อรองศาสตราจารย์นงนิตย์ ธีระวัฒนสุข อธิการบดีปัจจุบัน ขายคืนหอพักทั้งโครงการให้มหาวิทยาลัยในวงเงิน ๒๖๓,๐๐๐,๐๐๐ บาท
มหาวิทยาลัย โดยความเห็นชอบของสภามหาวิทยาลัย จึงแต่งตั้งคณะกรรมการเจรจาต่อรองราคา และขอความอนุเคราะห์สำนักงานโยธิการจังหวัด และผังเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ประเมินราคากลาง ในระหว่างเจรจาคณะกรรมการพบว่า บริษัทกำจรกิจฯ ได้ทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องการรับเงินไปให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาจำกัด (มหาชน) แล้ว จึงให้ธนาคารมีหนังสือยืนยัน และหันไปเจรจากับธนาคาร ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตัวจริง จนกระทั่งได้ข้อยุติการชำระหนี้แบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาดจำนวน ๑๒๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท และเสนอสภามหาวิทยาลัยพิจารณาอนุมัติ
จากนั้น มหาวิทยาลัยได้ชำระเงินจำนวนดังกล่าวให้ธนาคาร แต่บริษัทกำจรกิจฯ กลับอ้างข้อกำหนดในสัญญา เสนอให้ระงับข้อพิพาทเรื่องการชำระหนี้ เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ
ต่อมา วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ คณะอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ (ประกอบด้วย ศาสตราจารย์พิเศษประจักษ์ พุทธิสมบัติ ประธานกรรมการ นายชัยรัตน์ ธรรมพีระ และนายสุเมธ ชัยช่วงโชติ กรรมการ) มีคำชี้ขาดหมายเลขดำที่ ๙/๒๕๕๗ หมายเลขแดงที่ ๓๙/๒๕๕๗ ระหว่างบริษัท กำจรกิจก่อสร้าง จำกัด ผู้ร้อง กับ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผู้คัดค้าน ให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ชำระเงินค่าก่อสร้างหอพักนักศึกษา จำนวน ๔ หลัง ตามสัญญาเลขที่ ม.อบ.๐๑/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๖๐ แก่บริษัท กำจรกิจก่อสร้าง จำกัด จำนวนที่ผิดนัดเป็นเงิน ๑๔,๓๑๒,๕๖๘ บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๖ ต่อปี โดยแบ่งคิดดอกเบี้ยตามงวดที่ผิดนัดแต่ละงวดเริ่มแต่งวดปีที่ ๕/๑๑ (งวดสิ้นเดือนเมษายน ๒๕๕๔) จนถึงงวดปีที่ ๖/๖ (งวดสิ้นเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๔) รวม ๘ งวด จนกว่าจะชำระเสร็จแต่ละงวด กับชำระเงินจำนวน ๒๕๙,๔๓๓,๓๙๖.๑๙ บาท และดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๖ ต่อปี นับแต่วันเสนอข้อพิพาท (๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๕) จนกว่าชำระเสร็จ
มหาวิทยาลัยเห็นว่า คำชี้ขาดอนุญาโตตุลาการ ฝ่าฝืนต่อหลักกฎหมายพื้นฐานของประเทศ ทำให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งเป็นส่วนราชการเสียหายอย่างร้ายแรง ถือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงยื่นคำร้องต่อศาลปกครองอุบลราชธานี เพื่อขอให้ศาลปกครองเพิกถอนคำวินิจฉัยชี้ขาดดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๔๐ วรรคสาม (๒)
เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๖๐ ศาลปกครองอุบลราชธานีมีคำพิพากษา คดีหมายเลขแดงที่ ๗๒๖/๒๕๖๐ ให้เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการดังกล่าว โดยพิพากษาสรุปความว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และบริษัท กำจรกิจก่อสร้าง จำกัด มีหนี้ที่จะต้องการปฏิบัติการชำระต่อกัน โดยบริษัท กำจรกิจก่อสร้าง จำกัด จะต้องทำการก่อสร้างอาคารหอพักนักศึกษา ตามแบบรูปรายการก่อสร้างให้แล้วเสร็จ ภายในระยะเวลาที่สัญญาระบุเสียก่อน ซึ่งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีมีสิทธิให้บริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด ปฏิบัติการชำระหนี้ดังกล่าวได้ตามบทบัญญัติมาตรา ๑๙๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และเมื่อก่อสร้างเสร็จแล้ว มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีจะต้องทำการจัดสรรแบ่งผลประโยชน์ตอบแทนที่จัดเก็บได้จากการบริหารจัดการอาคารหอพักดังกล่าวแก่ บริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด และบริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด มีสิทธิเรียกให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีปฏิบัติการชำระหนี้ดังกล่าวได้ตาม บทบัญญัติมาตรา ๑๙๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
อย่างไรก็ตาม ข้อเท็จจริงปรากฏตามหนังสือของธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) ลงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๘ ส่งสำเนาเอกสารสัญญาโอนสิทธิรับเงิน ระหว่าง บริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด ในฐานะผู้โอน กับธนาคารดังกล่าวในฐานะผู้รับโอน โดยระบุรายละเอียดว่า ตามที่บริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด ได้ทำสัญญา เลขที่ ม.อบ. ๐๑/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ไว้กับมหาวิทยาลัยอุบลราชธานีนั้น บริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด มีหนี้สินและภาระผูกพันที่จะต้องชำระหนี้ในขณะนี้ และที่จะต้องชำระต่อไปในภายหน้าแก่ธนาคาร บริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด จึงตกลงโอนสิทธิเรียกร้องในอันที่จะได้รับเงินจากผู้จ่ายเงิน ให้แก่ธนาคารเป็นเงินจำนวน ๖๘๙,๔๑๐,๗๑๔ บาท โดยบริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด ตกลงกับธนาคารให้มีการแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีทราบ
เอกสารสัญญาดังกล่าว แม้จะระบุชื่อสัญญาว่า เป็นการโอนสิทธิการรับเงิน แต่โดยที่สัญญาจัดทำขึ้นโดยบริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด ซึ่งเป็นเจ้าหนี้กับธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) ซึ่งเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่คู่สัญญาเลขที่ ม.อบ. ๐๑/๒๕๔๘ ลงวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๔๘ ด้วยกัน เนื้อหาสาระเป็นเรื่องการโอนสิทธิเรียกร้อง การตีความการแสดงเจตนาทำสัญญาข้างต้นต้องเพ่งเล็งถึงเจตนาอันแท้จริงของคู่สัญญายิ่งกว่าถ้อยคำสำนวนหรือตัวอักษร ทั้งนี้ตามมาตรา ๑๗๑ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
กรณีย่อมถือว่า เอกสารสัญญาโอนสิทธิรับเงิน ลงวันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๔๘ เป็นสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องตามบทบัญญัติมาตรา ๓๐๓ วรรคหนึ่ง แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และแสดงว่า ก่อนที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี จะต้องทำการชำระหนี้ตามสัญญา สิทธิเรียกร้องของผู้คัดค้านให้ผู้ร้องชำระหนี้ข้างต้นได้โอนไปยังธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) แล้ว บริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด ไม่มีสิทธิเรียกให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีชำระหนี้อีกต่อไป
ดังนั้น การที่คณะอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ มีคำชี้ขาดให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีชำระหนี้แก่บริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด จำนวน ๒๗๓,๗๔๕,๙๖๔.๑๙ บาท ดังกล่าวนั้น ส่งผลให้มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีต้องรับผิดในมูลหนี้ที่ได้โอนไปยังบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่สัญญาแล้ว อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา ๑๙๔ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และต้องให้คู่สัญญากลับคืนสู่ฐานะดังที่เป็นอยู่เดิมตามมาตรา ๓๙๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุตามกฎหมายดังกล่าวอยู่จริง กระทบต่อสิทธิในทรัพย์สิน ย่อมเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เข้าตามเงื่อนไขที่ศาลจะมีคำสั่งเพิกถอนได้ตามพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ มาตรา ๔๐ วรรคสาม (๒) (ข) ข้ออ้างของบริษัท กำจรกิจก่อสร้างจำกัด ฟังไม่ขึ้น
พิพากษา เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ หมายเลขดำที่ ๙/๒๕๕๗ หมายเลขแดงที่ ๓๙/๒๕๕๗ วันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ระหว่างบริษัท กำจรกิจก่อสร้าง จำกัด ผู้ร้อง กับ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผู้คัดค้าน
อ่านคดีนี้ในสำนวนภาษาเข้าใจง่ายๆ ได้ที่เฟสบุ้คของอาจารย์ สมเนตร การช่าง หรือคลิกที่นี่