guideubon

 

ศาลปกครองอุบลฯ สั่งทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัด สพฐ.

ศาลปกครอง-สพฐ-อุบล-01.jpg

วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ ศาลปกครองอุบลราชธานี มีคำสั่งเกี่ยวกับวิธีการชั่วคราวก่อนการพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ บ. ๗๕/๒๕๖๐ ระหว่าง นายเฉลิมเกียรติ แก้วกนก ผู้ฟ้องคดี คณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ผู้ถูกฟ้องคดี เรื่อง คดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐออกกฎโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

คดีนี้ผู้ฟ้องคดีฟ้องว่า หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่งพร้อมหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ด่วนที่สุด ที่ ศธ ๐๒๐๖.๔/ว ๒๔ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงนำคดีมาฟ้อง ขอให้เพิกถอนหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาดังกล่าว และมีคำขอให้ศาลมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษาดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา

ซึ่งผู้ถูกฟ้องคดีอ้างว่า การออกหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา อันเป็นหลักเกณฑ์พิพาท ได้กำหนดให้พิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งมีขนาดสถานศึกษาเดียวกันพร้อมกันก่อน หลังจากนั้นจึงให้พิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษาใกล้เคียงกัน เนื่องจากผู้บริหารสถานศึกษาซึ่งมีขนาดเดียวกันนั้นจะมีประสบการณ์การบริหารโรงเรียน นักเรียน รวมทั้งบุคลากรในโรงเรียนตามขนาดสถานศึกษานั้นๆ จึงควรได้รับการพิจารณาย้ายก่อน

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า หลักเกณฑ์พิพาทมีลักษณะเป็นกฎอันมีผลบังคับใช้เป็นการทั่วไปแก่ผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยข้อ ๑๐ ของหลักเกณฑ์พิพาท ได้กำหนดเกี่ยวกับการพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา โดยมีเงื่อนไขให้พิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาด้วยกันภายในจังหวัดเดียวกัน ซึ่งมีขนาดสถานศึกษาเดียวกันพร้อมกันก่อน และให้พิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษาในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาด้วยกันภายในจังหวัดเดียวกัน ซึ่งมีขนาดสถานศึกษาเดียวกันพร้อมกันก่อน จากนั้นจึงจะพิจารณาตามเงื่อนไขอื่นต่อไป

จากหลักเกณฑ์ดังกล่าวย่อมเห็นได้ว่า กฎที่พิพาทดังกล่าวมีข้อกำหนดบางประการที่นำหลักเกณฑ์ การพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษา โดยนำขนาดของโรงเรียนและพื้นที่ตั้งของโรงเรียนมาใช้เป็นหลักเกณฑ์สำคัญในการพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งตามหลักการบริหารงานบุคคลควรใช้หลักเกณฑ์ ด้านคุณสมบัติของบุคคลเป็นเกณฑ์สำคัญ มากกว่าสถานที่หรือพื้นที่ จึงเห็นว่ากฎที่พิพาทดังกล่าวก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ผู้บริหารสถานศึกษาขนาดเล็ก ขนาดกลาง หรือขนาดใหญ่ ที่ประสงค์ย้ายไปสถานศึกษาขนาดที่ใหญ่ขึ้น ไม่ได้รับโอกาสในการพิจารณาย้ายในครั้งแรก โอกาสในการย้ายไปสถานศึกษาที่มีขนาดใหญ่ขึ้นเป็นเรื่องยากอย่างยิ่ง โดยต้องรอให้ไม่มีผู้บริหารสถานศึกษาขนาดนั้นๆ ขอย้ายไปสถานศึกษาในขนาดนั้น แล้วจึงจะได้รับโอกาสในการพิจารณาย้าย

ซึ่งการพิจารณาย้าย ควรที่จะพิจารณาจากผลการประเมินศักยภาพของผู้ประสงค์ที่จะย้าย ภายใต้หลักเกณฑ์ที่เป็นธรรม ดังนั้น ข้อ ๑๐ ของหลักเกณฑ์ดังกล่าวจึงถือเป็นการออกกฎ ที่น่าจะขัดต่อหลักความเสมอภาคและมีลักษณะเป็นการเลือกปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม อันน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และข้อ ๑๑ ของหลักเกณฑ์ดังกล่าวอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากข้อ ๑๐ จึงน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน

ประกอบกับการให้หลักเกณฑ์ดังกล่าวมีผลบังคับใช้ต่อไป คณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดย่อมอาศัยหลักเกณฑ์ดังกล่าวในการพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษาแล้ว จึงออกคำสั่งย้ายผู้บริหารสถานศึกษาต่อไป โดยหากต่อมาศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนกฎดังกล่าว ย่อมทำให้คำสั่งย้ายผู้บริหารสถานศึกษาอันออกโดยอาศัยกฎดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย การให้ผู้บริหารสถานศึกษาที่ได้รับคำสั่งย้ายภายใต้กฎดังกล่าวกลับสู่ตำแหน่งเดิมในสถานศึกษาเดิม ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะดำเนินการแก้ไขเยียวยาในภายหลัง  อีกทั้ง แม้หากศาล มีคำสั่งทุเลาการบังคับตามกฎที่พิพาท ก็ไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐหรือแก่บริการสาธารณะ แต่ประการใด เนื่องจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องยังสามารถพิจารณาย้ายผู้บริหารสถานศึกษาให้เป็นธรรมและมีความเหมาะสมได้ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษา ขั้นพื้นฐาน ส่งพร้อมหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ที่ ศธ ๐๒๐๖.๔/ ว ๙ ลงวันที่ ๒๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔

กรณีจึงมีเหตุผลอันสมควรที่ศาลจะมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามคำขอของผู้ฟ้องคดี ทั้งนี้ ตามนัยมาตรา ๖๖ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ และข้อ ๗๒ วรรคสาม แห่งระเบียบของที่ประชุมใหญ่ตุลาการในศาลปกครองสูงสุด ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๓ ศาลจึงมีคำสั่งทุเลาการบังคับตามข้อ ๑๐ และข้อ ๑๑ ของหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายผู้บริหารสถานศึกษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ส่งพร้อมหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ด่วนที่สุด ที่ ศธ ๐๒๐๖.๔/ว ๒๔ ลงวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๖๐ ไว้เป็นการชั่วคราวจนกว่าศาลจะมี คำพิพากษา