โควิดอุบล เพิ่ม 3,720 ราย เจ้าอาวาสหดหู่ ลูกหลานมาเยี่ยม เอาเชื้อมาติด
วันที่ 1 เมษายน 2565 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี รายงานสถานการณ์โควิด–19 จังหวัดอุบลราชธานี พบผู้ติดเชื้อรายใหม่จำนวน 3,720 ราย เป็นการติดเชื้อจากต่างจังหวัด 90 ราย และติดเชื้อในพื้นที่ 3,630 ราย ผู้ป่วยละลอกเดือนมกราคม 2565 ถึงปัจจุบัน มีผู้ป่วยสะสม 79,821 ราย รักษาหายสะสม 50,597 ราย กำลังรักษา 29,135 ราย มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 3 ราย รวมเสียชีวิตสะสม 89 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 332 (ใส่เครื่องช่วยหายใจ 16 ราย)
ประวัติการรับวัคซีนผู้ป่วยรายใหม่วันนี้
- ไม่เคยได้รับวัคซีน จำนวน 541 คน
- อายุต่ำกว่า 5 ปี จำนวน 203 คน
- มีประวัติรับวัคซีน 1 เข็ม จำนวน 286คน
- มีประวัติรับวัคซีน 2 เข็ม จำนวน 1,913 คน
- มีประวัติรับวัคซีน 3 เข็ม จำนวน 727 คน
- มีประวัติรับวัคซีน 4 เข็ม จำนวน 49 คน
ข้อมูลถึงวันที่ 31 มีนาคม 2565 มีผู้ป่วยโควิด-19 เสียชีวิต 85 ราย
- เป็นผู้สูงอายุ/ผู้มีโรคเรื้อรัง 84 ราย (99%)
- ไม่ได้ฉีดวัคซีน/ฉีดไม่ครบ/ไม่ได้ฉีดเข็มกระตุ้น 73 ราย (86%)
ศูนย์ปฏิบัติการตอบโต้ภาวะฉุกเฉินโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดอุบลราชธานี ขอความร่วมมือ ผู้สูงอายุ-ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อนช่วงสงกรานต์ โดยผู้สูงอายุที่ยังไม่ฉีดวัคซีนโควิด-19 หรือฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม นานกว่า 3 เดือน ควรติดต่อฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาล หรือ รพ.สต. ใกล้บ้าน
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 พระครูจิตวิสุทธิญาณคุณ (พระจตุรงค์ ญาณุตฺตโม) เจ้าอาวาสวัดไชยมงคล เปิดเผยความรู้สึกผ่านทางเพจ สำนักงานเจ้าอาวาสวัดไชยมงคล อุบลราชธานี ว่า... วันนี้เป็นวันที่ค่อนข้างจะหดหู่อีกวัน จากการเผาศพท่านที่ชีวิตเพราะติดเชื้อโควิด-19
คุณยายอายุ 82 ปี ลูกหลานมาเยี่ยม เอาเชื้อมาติดคุณยาย เหมือนกรณีโยมแม่อาตมาเลย ลูกหลานทำใจไม่ได้ ร้องไห้กันระงมวัด สอบถามลูกหลานทราบว่า ท่านเป็นคุณยายที่แสนดี ดูแลลูกหลานทุกคนจนทุกคนมีหน้าที่การงานที่ดี และเป็นระยะที่ทุกคนกำลังสามารถตอบแทนพระคุณคุณยายได้ แต่ท่านก็ต้องมาด่วนจากลูกหลานไป นี่คือบทเรียนชีวิตอีกบทหนึ่ง ที่ต้องจารจารึกทุกอย่างด้วยน้ำตา
จากการสังเกตที่เราสัมผัส การฌาปนกิจศพผู้เสียชีวิตจากการแพร่ระบาด covid-19 เกือบจะร้อยศพอยู่แล้ว การเสียชีวิตรอบนี้ ไม่น้อยไปกว่าทุกรอบเลย สิ่งที่น่าแปลกคือ ทางหน่วยงานราชการไม่สนใจเอาใจใส่เลย ไม่เคยเข้ามาสอบถามปัญหา สิ่งที่จะเข้ามาช่วยเหลือหรือปรับปรุงอะไรเลย เหมือนกับปล่อยทุกอย่างตามยถากรรม วัดที่รับภาระตรงนี้ก็น้อย พูดกันตรงๆ เรายังไม่รู้เลยว่าผู้บริหารท่านใดในจังหวัดรับผิดชอบงานพวกนี้
สมัยท่านรองเกริกชัยดูแลงานพวกนี้ ท่านจะคอยติดตาม/สอบถาม/รับรู้ปัญหา อย่างน้อยก็สามารถสะท้อนปัญหาต่างๆ ได้ หรือมันไม่เกิดขึ้นกับญาติกับพี่น้องท่าน แล้วยังไม่รู้รสชาติของความสูญเสีย จึงถือเป็นเรื่องของชาวบ้านที่ต้องดูแลกันเองตามมีตามเกิด เราเสียดายอุดมการณ์ความมุ่งมั่นเมื่อวันที่ทุกท่านเข้ามารับหน้าที่เล็กๆ น่ะวันนั้นท่านมีอุดมคติ มุ่งมั่นทำเพื่อประชาชน มาวันนี้ลาภ ยศ สักการะ ตำแหน่งหน้าที่ ทรัพย์สินเงินทอง มันเข้ามาแทนที่สิ่งที่มีอยู่ในอดีตจนหมดสิ้น อย่างน้อยขอแค่ท่านคิดถึงหน้าที่ แม้จะยังไปไม่ถึงความรับผิดชอบก็ตาม ขอแค่นี้จริงๆ บ้านเมืองก็จะมีความสุขมีรอยยิ้มให้กันและกันบ้าง สาธุ