บัณฑิตเกียรตินิยม ม.ราชภัฏอุบลฯ ภูมิใจที่เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร
“น้ำเพชร” น.ส.พชรไพลิณ เหลาสิทธิ์ บัณฑิตเกียรตินิยม สาขาวิชาคณิตศาสตร์ คณะครุศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ปัจจุบันรับราชการครูที่โรงเรียนบ้านอิสานเศรษฐกิจ อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี ภาคภูมิใจที่ตัดสินใจเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร แม้จะต้องรอมานานร่วม 3 ปี
น.ส.พชรไพลิณ เหลาสิทธิ์ ลูกสาวคนเดียวของครอบครัว บ้านเกิดอยู่ที่อำเภอวารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ชอบร้องเพลงมาตั้งแต่เด็ก ๆ พอโตขึ้นก็มีความตั้งใจว่า อยากจะเรียนด้านการร้องเพลงที่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพ ในช่วงที่เรียน ม.1 - ม.6 ที่โรงเรียนลือคำหาญ อ.วารินชำราบ มีโอกาสได้แสดงความสามารถร้องเพลง และเป็นตัวแทนของโรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง
แต่ชีวิตก็มาถึงจุดหักเหตอนกำลังจะขึ้น ม.6 พ่อประสบอุบัติเหตุเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลและได้เสียชีวิตในวันนั้นเลย แต่ก่อนที่พ่อจะจากไปในวันนั้น ตนได้บอกกับพ่อว่า จะรับราชการให้ได้ แม่จะได้ไม่ต้องลำบาก และจะดูแลแม่ให้ดีที่สุด
พอถึงช่วงที่ต้องสอบเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย ก็มุ่งหน้าสอบในด้านศึกษาศาสตร์ และสอบได้อยู่หลายแห่ง รวมทั้งโควตาคณะครุศาสตร์ ม.ราชภัฏอุบล ฯ หลักสูตร 5 ปี ซึ่งในตอนนั้นที่ตัดสินใจเลือกที่นี่เพราะว่าเป็นมหาวิทยาลัยใกล้บ้าน เดินทางสะดวก ได้อยู่ใกล้แม่ และอีกอย่างเรียนที่ไหนก็น่าจะเหมือนกันขึ้นอยู่กับตัวของเราเอง พอเรียนจบก็ต้องไปสอบแข่งขันกันเหมือนเดิม
ในช่วงแรกที่เข้าเรียนใหม่ ๆ ก็ได้ร่วมกิจกรรมต่าง ๆ กับรุ่นพี่และเพื่อน ๆ และยังได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนของคณะครุศาสตร์เข้าร่วมประกวดเฟรชชี่บอย แอนด์ เกิร์ล ในระดับมหาวิทยาลัย แถมยังคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 อีกด้วย
ในช่วงระหว่างเรียน น้ำเพชร ได้แบ่งเวลาหลังเลิกเรียน ไปทำงานพิเศษในสิ่งที่ตนเองชอบ นั่นคือร้องเพลง เพื่อหารายได้เป็นค่าเล่าเรียนแบ่งเบาภาระของแม่อีกทาง และได้มีโอกาสร่วมงานกับพี่ ๆ หลายคนตั้งวงดนตรีขึ้นมาชื่อ “สมอารมณ์” ซึ่งเป็นที่รู้จักพอสมควร พอทำอยู่พักหนึ่งก็ต้องวางมือจากการร้องเพลง เพราะว่าตอนเรียนปีที่ 5 ต้องออกฝึกสอนในโรงเรียน เลยมุ่งหน้าตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด และสำเร็จการศึกษาในปี 2560 ด้วยรางวัลเกียรตินิยมอันดับ 2 (เหรียญเงิน)
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาในรั้วมหาวิทยาลัย ได้เรียนรู้มากทั้งการเรียน การทำกิจกรรม การทำงานร่วมกับผู้อื่น และการเป็นครูที่ดี พอเรียนจบก็ตั้งตารอวันที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ซึ่งต้องเข้ารับในช่วงเดือนตุลาคมปี 2562 แต่ก็มีเหตุให้ต้องเลื่อนออกไปถึงสองปี จากสถานการณ์อุทกภัยในภาคอีสาน และการแพร่ระบาดของ COVID-19
ในช่วงระหว่างรอการเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรนั้น ก็สอบได้ครูผู้ช่วยที่กรุงเทพ ฯ ทำตรงนั้นอยู่ประมาณ 1 ปี พอดีกับที่จังหวัดอุบล ฯ เปิดสอบบรรจุครูหลายอัตรา เลยลาออกจากการเป็นครูที่กรุงเทพ ฯ และมาสอบที่อุบล ฯ เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้และดูแลแม่ได้ และก็สามารถสอบบรรจุเป็นครูได้อีกครั้งซึ่งได้เลือกบรรจุที่ รร.บ้านอิสานเศรษฐกิจ อ.น้ำขุ่น จ.อุบลราชธานี เป็นโรงเรียนประถมศึกษาขนาดเล็กใกล้กับแนวชายแดน
น้ำเพชร กล่าวต่อว่า ตอนแรกที่ได้ยินข่าว กำหนดการพิธีพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ 16 ตุลาคม 2563 นั้นคิดว่าระยะเวลามันก็ล่วงเลยมาหลายปี ตัวเองก็รับราชการแล้ว และเวลาก็กระชั้นชิด แถมยังมีเวลาซ้อมแค่ 2 วัน จากปกติซ้อม 3 วัน จึงไม่อยากที่จะไปรับพระราชทานปริญญาบัตรเหมือนตอนที่เรียบจบใหม่ ๆ แต่พอมาคิดอีกที การที่ได้มีโอกาสเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จ ฯ พร้อมด้วย สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี นับเป็นโอกาสดีที่หาได้ยากยิ่ง เป็นเกียรติประวัติสูงสุดในการสำเร็จการศึกษา เป็นเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล
แม้จะมีเวลาฝึกซ้อมเพียง 2 วัน ก็ได้ตั้งใจฝึกซ้อมเป็นอย่างดี เพื่อที่จะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตรในวันที่ 16 ต.ค. 2563 ณ หอประชุมมหาวชิราลงกรณ ม.ราชภัฏสกลนคร จ.สกลนคร พอรับพระราชทานปริญญาบัตรเสร็จแล้ว รู้สึกปลื้มปีติอย่างบอกไม่ถูก ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตเรามีโอกาสได้เข้าเฝ้าในหลวงและสมเด็จพระราชินี อย่างใกล้ชิดพระองค์ขนาดนี้ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้
อีกสิ่งหนึ่งที่หลายคนกังวลใจคือ ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปรับพระราชทานปริญญาบัตร ซึ่งจริง ๆ แล้วหากเราวางแผนการเดินทางและการใช้เงินให้ดี ก็หมดไปไม่เยอะอย่างที่คิดนะคะ อย่างน้ำเพชรก็แชร์ค่าใช้จ่ายกับเพื่อน ๆ ทั้งค่าน้ำมัน ค่าที่พัก และจองรูปถ่าย รวมแล้วก็ประมาณ 3,000 บาท
น้ำเพชร ภูมิใจ มั่นใจ และกล้าที่จะบอกกับใคร ๆ ว่าเรียนจบราชภัฏอุบลราชธานี “ภาคภูมิใจและซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่ง” และจะทำหน้าที่แม่พิมพ์ของชาติให้ดีที่สุด สมกับที่เป็นบัณฑิตราชภัฏ ซึ่งเป็น “คนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน”