วัดไชยมงคล เคลื่อนย้ายรูปหล่อเหมือน องค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต
วันที่ 2 เมษายน 2564 ที่วัดไชยมงคล อ.เมือง อุบลราชธานี จัดให้มีพิธีเคลื่อนย้ายรูปหล่อเหมือนองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต แม่ทัพธรรมฝ่ายวิปัสนากรรมฐาน พระอริยสงฆ์ยุคกึ่งพุทธกาล ไปประดิษฐาน ณ พุทธอุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต อุทยานบึงบัวอุบลราชธานี
โดยการเคลื่อนรูปหล่อเหมือนองค์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขึ้นประดิษฐานบนรถเทลเลอร์ มุ่งสู่พุทธอุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต บ้านหนองช้าง ต.หนองขอน อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ใช้เส้นทางจากวัดไชยมงคลออกประตูทางด้านทิศเหนือ เลี้ยวซ้ายไปตามถนนพโลชัย ถึงสี่แยกเรือนจำกลางอุบลราชธานี เลี้ยวขวาตรงขึ้นไปถึงสี่แยกสามัดคี เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหน้าโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ถึงสามแยกเซ็นทรัลอุบลราชธานี เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายรอบเมือง ยูเทิร์นหน้าปั้ม ปตท. มุ่งตรงสู่แยกดงอู่ผึ้ง เลี้ยวช้ายสู่ถนนแจ้งสนิท ถึงกิโลเมตรที่ 20 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่พุทธอุทยานหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต
วัดไชยมงคล เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่วัดหนึ่ง ของจังหวัดอุบลราชธานี โดยเป็นวัดที่สร้างขึ้นเป็นลำดับที่ 4 ในบรรดาวัดที่สังกัดธรรมยุติกนิกายในจังหวัดอุบลราชธานี โดยวัดแรกที่สร้างคือ วัดสุปัฏนารามวรวิหาร วัดศรีอุบลรัตนาราม วัดสุทัศนาราม และ วัดไชยมงคล เป็นวัดที่สร้างขึ้นโดย เจ้าพรหมเทวานุเคราะห์ (พ.ศ.2409 – 2425)
ศูนย์พุทธธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต (วัดไชยมงคล) อุทยานบึงบัวอุบลราชธานี ตำบลหนองขอน จังหวัดอุบลราชธานี จัดสร้างเป็นศูนย์เผยแผ่หลักธรรมในพระพุทธศาสนา ตามรอยธรรมของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณ และรำลึกถึงคุณงามความดี ของพระอริยะสงฆ์ที่มีชื่อเสียง ก่อคุณประโยชน์ให้กับบ้านเมือง อีกทั้งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้หลักวิปัสสนากรรมฐาน ของพุทธศาสนิกชนทั่วไป
สำหรับรูปเหมือนองค์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต ภายในวัดไชยมงคล สร้างด้วยปูนปั้นขนาดใหญ่ มีลักษณะยืน ความสูง 13 เมตร น้ำหนักประมาณ 30 ตัน โครงสร้างด้านในเป็นเหล็กถักเชื่อมขึ้นเป็นรูปด้วยปูนซีเมนต์ ด้านนอกหุ้มด้วยแผ่นทองเหลือง สร้างขึ้นในโอกาสที่ยูเนสโก ประกาศยกย่องให้พระอาจารย์มั่นภูริทัตโต เป็นบุคคลสำคัญของโลกสาขาสันติภาพ และเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 150 ปีชาตกาล ในวันที่ 20 มกราคม 2563
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เป็นพระอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐาน และเป็นพระเถระที่คนไทยทั้งประเทศเคารพนับถือ ทั้งในขณะที่ท่านยังมีชีวิตดำรงอยู่และละสังขารขันธ์ไปแล้ว ตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบัน
หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต เดิมชื่อ เด็กชายมั่น แก่นแก้ว บิดามารดาชื่อ นายคำด้วง-นางจันทร์ แก่นแก้ว เกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 20 เดือนมกราคม พ.ศ.2413 ตรงกับวันแรม 4 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะเมีย ณ บ้านคำบง ตำบลโขงเจียม อำเภอโขงเจียม จัหวัดอุบลราชธานี ในตระกูลชาวนา บิดามารดานับถือศาสนาพุทธ มีพี่น้องทั้งหมด 9 คน ได้เข้าบวชเณรตอนอายุ 15 ปี และสึกออกมาตามคำขอของบิดาตอนอายุ 17 ปี เพื่อช่วยงานทางบ้าน ต่อมาเมื่ออายุได้ 22 ปี ท่านได้บรรพชาอุปสมบทบวชเป็นพระภิกษุ ณ วัดศรีทอง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 12 เดือนมิถุนายน พ.ศ.2436 ได้ฉายาว่า "ภูริทตฺโต"
หลังอุปสมบท ท่านได้ศึกษาในฝ่ายวิปัสสนากรรมฐาน (ธรรมยุต) กับท่านพระอาจารย์เสาร์ กนุตสีโล ณ วัดเลียบ จังหวัดอุบลราชธานี หลังจากนั้น ท่านได้เข้ามาศึกษาพระปริยัติธรรม ณ วัดปทุมวนาราม และได้ศึกษาอบรมกับท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนุโท) วัดบรมนิวาส
หลังจากนั้น ท่านได้ออกฝึกปฏิบัติ "ธุดงคกรรมฐาน" ด้วยองค์ท่านเองตามลำพัง โดยธุดงค์ไปตามสถานที่ที่เป็นป่าเขา ถ้ำ เงื้อมผาทางภาคเหนือ ภาคอีสาน บางครั้งท่านก็ธุดงค์ไปยังประทศพม่า ลาว หลวงพระบาง เป็นต้น ซึ่งในระหว่างธุดงค์ไปนั้น ก็มีคณะศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสในข้อวัตรปฏิบัติขององค์ท่านได้ติดตามไปแบบห่าง ๆ ด้วย จนต่อมา พระสฆ์เหล่านั้นได้เจริญงอกงามในธรรม จนกลายเป็นพระเกจิอาจารย์องค์สำคัญ ๆ ในเมืองไทย เป็นที่เคารพสักการะของพระมหากษัตริย์และประชาชนชาวไทยและประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างมากมาย
องค์ท่านได้อาศัยอยู่ตามป่าตามเขาตลอดช่วง 57 ปี ของชีวิตสมณเพศ จนในช่วงระยะ 5 ปี ที่ย่างเข้าวัยชรา จึงได้พำนักเป็นหลักแหล่ง ณ วัดป่าหนองผือนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร ซึ่งช่วงนั้น ท่านได้สั่งสอนอบรมศิษยานุศิษย์เป็นจำนวนมาก ชื่อเสียงล่ำลือไปทั่ว มีประชาชนนับถือทั่วประเทศ จนกระทั่งท่านอาพาธหนัก เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2492 และได้มรณภาพลงอย่างสงบ เมื่อวันที่ 11 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2492 เวลา 02.23 น. และคณะศิษย์ได้ร่วมจัดงานประชุมเพลิงท่าน ณ วัดป่าสุทธาวาส อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เมื่อวันที 30 เดือนมกราคม พ.ศ.2493 สิริรวมอายุได้ 80 ปี