นักวิจัย ม.อุบลฯ เจ้าของสิทธิบัตร สระเก็บน้ำต้านภัยแล้ง
ขอแสดงความยินดีกับ ดร.ฉัตรภูมิ วิรัตนจันทร์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่ได้รับนักวิจัยรางวัล “ผลงานวิจัยดีเด่นสิ่งประดิษฐ์/นวัตกรรม” และเจ้าของสิทธิบัตรการประดิษฐ์ โครงการ “สระเก็บน้ำในพื้นที่ดินทรายที่ป้องกันการรั่วซึมและการกัดเซาะ”
ดร.ฉัตรภูมิ วิรัตนจันทร์ กล่าวว่า สำหรับโครงการ “สระเก็บน้ำในพื้นที่ดินทรายที่ป้องกันการรั่วซึมและการกัดเซาะ” เป็นผลงานที่ได้รับแรงบันดาลใจทำตามเบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ท่านจะหาน้ำให้ประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและการขาดแคลนน้ำโดยเฉพาะปัญหาการขุดสระในพื้นที่ดินทราย
ซึ่งในภาคอีสานส่วนใหญ่แล้ว จะเป็นพื้นที่ที่เป็นดินเป็นทราย หากเป็นดินทรายในที่ดอนเมื่อขุดสระลงไปก็จะไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีชั้นกันซึมเพื่อให้น้ำกักเก็บไว้ได้ จึงได้ดำเนินการจัดทำสระต้นแบบขึ้นที่ฟาร์มตัวอย่างในพระองค์ อำเภอเขื่องใน จังหวัดอุบลราชธานี บนพื้นที่ประมาณ 1 ไร่ สามารถกักเก็บน้ำได้ตามวัตถุประสงค์ น้ำไม่เน่าเสีย เป็นแหล่งน้ำไว้ใช้ในการเกษตรและเลี้ยงปลาได้
สระต้นแบบถูกสร้างขึ้นในพื้นที่โคกดินทราย สระที่ขุดก่อนที่จะได้มีการสร้างสระต้นแบบเก็บน้ำไม่ได้เพราะเป็นบริเวณโคกดินทราย การใช้นวัตกรรมสระเก็บน้ำในพื้นที่ดินทราย ทำให้สามารถกักเก็บน้ำในสระได้ เนื่องจากไม่เกิดการรั่วซึมออกจากสระ
พื้นที่ทั่วไป การที่สระจะเก็บน้ำใต้ดินได้ชั้นข้างล่างของสระจะต้องเป็นชั้นดินเหนียว เหนือชั้นดินเหนียวจะเป็นชั้นทรายคือ ชั้นน้ำใต้ดิน ถ้าขุดสระในพื้นที่ดินทรายตรงนั้นจะมีน้ำ เพราะจะเป็นเหมือนแอ่งกระทะของดินเหนียว ปัญหาถ้าเกิดเป็นที่โคกดินทราย เติมน้ำลงไปเท่าไหร่ก็จะไหลหนีหมด ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับลักษณะชั้นดินและสภาพทางธรณีว่า จะเก็บน้ำได้หรือไม่ ต้องดูว่าชั้นดินของเรามีลักษณะแบบไหน หากเป็นที่โคก ที่เนินดินทราย ขุดสระน้ำแล้วจะไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ก็สามารถนำเอาเทคโนโลยีนี้ไปใช้ได้
หลักการสำคัญอีกประการหนึ่ง นอกจากการซึมไม่ให้น้ำไหลออกแล้ว ก็คือเราสามารถทำพื้นที่รับน้ำฝนไว้ได้ด้วย เพราะถ้าหากน้ำตกลงดินน้ำก็จะซึมลงดิน ถ้าเรามีอาคารอยู่รอบ ๆ เช่น ฟาร์มตัวอย่างในพระองค์ก็สามารถใช้น้ำจากอาคารรอบ ๆ ทั้งหมดมาเติมเหมือนน้ำฝนที่ตกลงบนหลังคาบ้านมาเติมลงตุ่มแป๊บเดียวน้ำก็จะเต็มตุ่ม
หรือถ้าเราสามารถปรับปรุงพื้นที่ปากสระโดยรอบ ๆ นั้น ซึ่งก็เป็นหนึ่งในสิทธิบัตรคือ ไม่ให้น้ำซึมลงดิน เมื่อฝนตกลงมาก็จะไหลลงสระเลย ฉะนั้นเราก็ทำชั้นกันซึมรอบผิวปากสระด้วย ถ้าเราปล่อยตามธรรมชาติไปน้ำจะซึมลงดินแล้วจะไหลลงมาเป็นน้ำโคลน แต่ถ้าเราทำกันซึมรอบปากสระ มีพื้นที่ใหญ่พอสมควร ก็จะเป็นพื้นที่รับน้ำฝนมาช่วยเติมเต็ม ถ้าหากปล่อยไปตามธรรมชาติไม่มีพื้นรับน้ำฝนมาช่วยเติมเต็ม ไม่มีพื้นที่รับน้ำฝน ฝนตกเท่าไหร่ก็จะระเหยเท่านั้น พื้นที่รับน้ำฝนต้องใหญ่กว่าสระเหมือนกลังคาบ้านเราเมื่อฝนตกแป๊บเดียวน้ำก็เต็มตุ่ม ตุ่มก็ซึมเหมือนกับสระ ถ้าหลังคาบ้านที่ใหญ่แป๊บเดียวน้ำก็เต็มตุ่ม แต่ถ้าเราเอาตุ่มใหญ่ ๆ ไปวางกลางพื้นที่แจ้ง วางยังงัยน้ำก็ไม่เต็มตุ่ม หลักการเดียวกัน เพราะฉะนั้นเราต้องหาพื้นที่รับน้ำฝน แล้วเอาน้ำที่ไหลมาเติมใส่ในสระก็ปรับปรุงไม่ให้เกิดการกลัดเซาะพังทลายไม่ให้เกิดน้ำโคลนไหลเข้าสระที่มีแต่น้ำสะอาดไหลเข้ามา
และถ้ามีโครงสร้างหรืออาคารอยู่รอบ ๆ ยิ่งดี เพราะสามารถใช้หลังคาอาหารหรือโครงสร้างต่าง ๆ เอาน้ำถ่ายเทลงมาได้เลยโดยตรง การที่สระมีชั้นกันซึมทำให้สามารถป้องกันน้ำซึมออกแต่ปัญหาคือในฤดูฝนน้ำใต้ดินสูงขึ้นแต่ไม่สามารถไหลเข้าสระได้ ปัญหานี้แก้โดยวาล์วทางเดียวทำให้สระรับน้ำใต้ดินเข้าสระได้ (patent pending) หรืออาจใช้สระข้างเคียงที่ไม่มีชั้นกันซึมให้เป็นสระรับน้ำใต้ดินและต่อท่อเชื่อมเข้าหากันได้โดยมีวาล์วเปิดปิดได้ (patent pending)
จากผลงานของ ดร.ฉัตรภูมิ วิรัตนจันทร์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผู้ที่ได้รับนักวิจัยรางวัล “ผลงานวิจัยดีเด่นสิ่งประดิษฐ์/นวัตกรรม” และเจ้าของสิทธิบัตรการประดิษฐ์ โครงการ “สระเก็บน้ำในพื้นที่ดินทรายที่ป้องกันการรั่วซึมและการกัดเซาะ” ที่สร้างชื่อเสียงครั้งนี้
นับเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จและความภาคภูมิใจของนักวิจัยและมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ในโอกาสครบรอบ 31 ปี แห่งการสถาปนามหาวิทยาลัย ภายใต้วิสัยทัศน์ “มหาวิทยาลัยชั้นนำในอาเซียนที่มุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตและนวัตกรรม” และความมุ่งมั่นเป็น “มหาวิทยาลัยในดวงใจของชุมชน”
ทิพย์วรรณ เวฬุวนาธร นักประชาสัมพันธ์ ชำนาญการ ม.อุบลฯ ข่าว/ภาพ