บัณฑิตแพทย์เกียรตินิยม ม.อุบลฯ วัยเด็กกินข้าวโรยเกลือ เดินเท้า 5 กม.ไปเรียนหนังสือ
บัณฑิตแพทย์ ม.อุบลฯ “สายสุดา ขวัญเพชร” หมอแกร่งสู้ชีวิต!! จากชีวิตเด็กบ้านนอกที่มาจากครอบครัวยากจน พ่อแม่อาชีพรับจ้างรายวันที่ทำงานหนักจนขาพิการเดินลำบาก หวังเติมเต็มอนาคตลูกได้เรียนหนังสือให้สูงที่สุด ข้าวจี่โรยเกลือ ไข่ต้ม ไข่เจียว ปลากระป๋อง คืออาหารดีสุดที่ทานในวัยเด็ก ก่อนเดินเท้าไปโรงเรียนระยะทางกว่า 5 กม.ทุกวัน
แม้ชีวิตจะลำบากแต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ ยิ่งทำให้เธอตั้งขยัน อดทน พยายามมากกว่าคนอื่นหลายร้อยเท่า พร้อมก้าวเดินสู่ฝันเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ของตน คือ อยากเป็น “หมอ” ด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจในการมุ่งสู่ฝัน ประกอบกับการมีกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ คิดดีทำดีมาโดยตลอด จึงส่งผลให้เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง สามารถก้าวสู้ฝันได้สำเร็จนั่นคือสอบติดแพทย์ ม.อุบลฯ ท่ามกลางความดีใจของครอบครัว แม้จะต้องสูญเสียที่ดินนาสวนขายเป็นค่าเทอมจนไม่เหลืออะไร จนในที่สุด สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์ ยื่นมือมาช่วยสนับสนุนทุนการศึกษาแบ่งเบาภาระครอบครัวจบ และสามารถคว้าเกียรตินิยม อันดับ2 ผลการเรียน 3.27 “แพทย์ฯรุ่น 5 ม.อุบลฯ” ซึ่งจะเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร ปีการศึกษา 2558 ในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2559 นี้
แพทย์หญิงสายสุดา ขวัญเพชร หรือ“หมอโหน่ง” บัณฑิตแพทย์เกียรตินิยม สำเร็จการศึกษา ปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตวิทยาลัยแพทยศาสตร์และการสาธารณสุข มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปัจจุบันอายุ 25 ปี ภูมิลำเนา อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เป็นลูกสาวคนโตในบรรดาพี่น้อง 2 คนของ นายธนูชัย - นางทองประกาย ขวัญเพชร (อายุ 51 ปี และ 45ปี) อาชีพรับจ้างทั่วไป หลังจบการศึกษาหมอโหน่งเข้ารับราชการที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ ตำแหน่งแพทย์ปฏิบัติการ
หมอโหน่ง บอกว่า ตั้งแต่เกิดมาชีวิตตนได้อยู่แต่กับความลำบากมาโดยตลอด ด้วยครอบครัวมีฐานะยากจน อาศัยอยู่ที่สวนเล็กๆห่างจากหมู่บ้านประมาณ 5 กม. ทุกเช้าตนต้องเดินเท้าไปเรียนหนังสือในหมู่บ้าน อาหารที่กินกันนั้นมีแค่ไข่ แกงไข่น้ำ ข้าวจี่ แกงส้มมะละกอใส่ปลากระป๋อง ข้าวโรยเกลือ ในช่วงของวันหยุดต้องช่วยงานพ่อกับแม่ทำสวนปลูกผลไม้แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะฝนแล้ง พ่อต้องทิ้งสวน ไปทำงานรับซื้อของเก่าที่ จ.ภูเก็ต ครอบครัวจึงต้องแตกแยก ตนต้องอยู่กับป้าที่นครพนม น้องชายอยู่กับยายที่ศรีสะเกษ ไม่มีการติดต่อกันประมาณ 1 ปี จนพ่อกับแม่กลับมาอีกครั้งพร้อมกับทำอาชีพตระเวนค้าขายยาเส้นตามหมู่บ้าน
หลายครั้งที่ตนอยู่กับน้องชายลำพังเพียง 2 คน นานถึง 2 สัปดาห์ หรือไม่ก็1 เดือน ตนต้องทำหน้าที่ดูแลน้องหุงข้าวทำกับข้าวให้น้องแล้วเดินไปโรงเรียนกัน ทุกครั้งที่คิดถึงพ่อแม่มากจนต้องใช้ดินสอเขียนข้างเสาบ้านว่าพ่อแม่ไปได้กี่วันแล้วนับวันรอคอยวันกลับมา ชีวิตตนมันลำบากมาตลอด จนมองว่าเป็นเรื่องปกติ
หลังเรียนจบ ม.3 จากโรงเรียนชายขอบ สอบเข้าเรียนโรงเรียนระดับอำเภอโรงเรียนกันทลักษ์วิทยาได้ ต้องนั่งรถมาเรียน 40 กม. ตนต้องประหยัดเงินด้วยการห่อข้าวมาทานที่โรงเรียน ข้าวเหนียวไข่ต้ม ปลาหวานทอด กุนเชียงทอด กินเมนูเหล่านี้วนไป นานทีจะมีโอกาสไปกินข้าวที่โรงอาหาร เพราะต้องเก็บเงินไว้จ่ายค่ารถรับส่งทุกเดือน แม้จะมีเสียงสะท้อนมาว่า ตนเข้ามาเรียนในเมืองเพื่อแค่มากินข้าวแล้วบอกว่าอร่อยดี "เก่งบ้านนอกไม่สู้กระจอกในเมือง" เด็กคนนั้นมันไม่ใช่ตน เพราะตนสามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าเด็กบ้านนอกที่มาเรียน สามารถสอบได้อันดับที่ 1 ของโรงเรียนมัธยมปลายได้อย่างภาคภูมิใจ
ความฝันอยากเรียนหมอ “สายสุดา ขวัญเพชร” บอกว่าเกิดขึ้นในช่วงตอนเรียนมัธยมต้น เพียงคิดว่าอยากเป็นหมอเหมือนในละครที่ตนชอบ อยากไปช่วยเหลือคนไข้ที่ยากไร้ จึงเป็นจุดเริ่มต้นการวางแผนการเรียน ซึ่งตนก็ทำได้แค่ตั้งใจเรียนในห้อง อ่านหนังสือตำราในห้องสมุด อาศัยหนังสือเก่าและข้อสอบเก่าจากรุ่นพี่ ฝึกทำโจทย์ซ้ำแล้วซ้ำอีก เนื่องจากไม่มีเงินเรียนพิเศษเหมือนคนอื่นเขา
ช่วงเรียน ม.6 จึงสมัครโครงการผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (CPIRD) เป็นโครงการของกระทรวงสาธารณสุขที่แก้ไขปัญหาการขาดแคลนแพทย์ในที่ที่ทุรกันดาร มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี รับผิดชอบในพื้นที่ 4 จังหวัดในเขต จ.อุบลฯ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และ จ.ยโสธร ซึ่งตนสามารถทำได้ ติดแพทย์ที่ ม.อุบลฯ เป็นความฝันที่กำลังเป็นจริงซึ่งยังไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากอะไร เพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทางออกคือพ่อกับแม่ต้องขายที่สวนทั้งหมด เพื่อเป็นค่าเทอม ค่าใช้จ่ายต่างๆ
แต่ในความลำบากได้มีโอกาสดีๆ เกิดขึ้นตน โดย "สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์" ได้สนับสนุนทุนการศึกษาดูแลค่าใช้จ่ายทั้งหมดจนจบหลักสูตรแพทย์ 6 ปี และยังทำให้น้องชายตนมีโอกาสได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยด้วย จากที่เคยเคยหยุดเรียนแต่ก่อนเพราะต้องนำเงินของครอบครัวมาส่งเสียตนเรียนนั่นเอง วันนี้ตนได้พิสูจน์ตนเองให้ทุกคนเห็นแล้วว่า จากชีวิตเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ที่สามารถตามหาฝันเรียนจบแพทย์ได้สำเร็จ
กว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ได้ต้องฟันฝ่าอุปสรรคนานัปการ ต้องขอบคุณโอกาสดีๆ ที่ทุกคนหยิบยื่นให้ ขอบคุณพ่อกับแม่ผู้ให้กำเนิดที่ทำงานหนักเพื่อลูกมาโดยตลอด ขอบคุณครู อาจารย์ที่ถ่ายทอดความรู้แก่ศิษย์ ขอบคุณร่างอาจารย์ใหญ่ชูเกียรติ สกุลคู และคนไข้ทุกคนที่เป็นครู ตลอดจนเพื่อน พ้องน้องพี่ที่ให้กำลังใจ ขอบคุณผู้เปลี่ยนชีวิตตนให้เป็นหมอได้อย่างภาคภูมิใจวันนี้ คือ "สมาคมแพทย์สตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชินูปถัมภ์" ขอบคุณสถาบันอันทรงเกียรติ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี และโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ที่ทำให้ตนได้ศึกษาเรียนรู้จนจบหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิตอย่างภาคภูมิใจ สิ่งที่จะตอบแทนทุกคน ได้คือการทำหน้าที่เป็นหมอที่ดี ดูแลรักษาคนไข้ให้ดีที่สุด ให้อยู่กับคนที่เรารักนานแสนนานตลอดไป หมอโหน่ง สายสุดา ขวัญเพชร กล่าว
นับว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของบัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่ก้าวสู่ฝันได้สำเร็จ สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม เป็นแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนไทยหลายๆคนในความมุ่งมั่น ตั้งใจ ขยัน อดทน ใฝ่รู้ และการมีกตัญญูรู้คุณ แบบอย่างของการสู้ชีวิตไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค จนประสบความสำเร็จ ได้มาแห่งความภาคภูมิใจใน หมอแกร่งสู้ชีวิต บัณฑิตเกียรตินิยม “แพทย์หญิงสายสุดา ขวัญเพชร”
เพลิน วิชัยวงศ์ นักประชาสัมพันธ์ ม.อุบลฯ / ข่าว