วันที่ 20 ตุลาคม 2564 สถานการณ์น้ำท่าแม่น้ำมูล สถานีวัดน้ำที่ M.7 สะพานเสรีประชาธิปไตย ระดับตลิ่งอยู่ที่ 112.00 ม.รทก. หรือ 7 เมตร ระดับน้ำวันนี้อยู่ที่ 111.95 ม.รทก. หรือระดับ 6.95 เมตร เพิ่มขึ้นจาก เมื่อวาน 0.06 เมตร ต่ำกว่าตลิ่ง 0.05 เมตร อัตราการไหลอยู่ที่ 2,270 ลบ.ม./วินาที่ ระดับสูงสุดเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2564 อยู่ที่ระดับ 112.49 ม.รทก. หรือ 7.49 เมตร

นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่า อิทธิพลของความกดอากาศต่ำที่เลื่อนตัวลงไปถึงภาคใต้ตอนบน ทำให้ปริมาณน้ำฝน หรือฝนที่โอกาสที่จะตกก็น้อยลง เป็นผลให้อากาศหนาวเย็นที่แผ่ลงมาจากประเทศจีนก็จะเริ่มลงเข้ามาในพื้นที่ เข้าสู่ฤดูหนาวกันต่อไป

ในเรื่องของระดับน้ำ จากการพยากรณ์ของกรมอุตุฯ ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีอายุในช่วงเวลาใกล้ๆ นี้ ส่วนเรื่องของอุทกภัย น้ำที่จะมาที่จังหวัดอุบลราชธานีมี 2 สายด้วยกัน สายแรกมาจากโคราช ชัยภูมิ เข้าทางศรีสะเกษ เข้าสู่จังหวัดอุบลราชธานีน่าจะประมาณวันที่ 21 ตุลาคม แต่จากการประเมินสถานการณ์ น้ำที่มาจากต้นน้ำทางแม่น้ำมูล ที่ท่วมที่โคราช ท่วมที่ชัยภูมิ น่าจะมีผลต่อจังหวัดอุบลของเราไม่มาก ช่วงวันที่ 20 21 22 น้ำจะเริ่มขึ้น แต่ขึ้นจากระดับวันนี้ น่าจะขึ้นไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งถือว่าไม่มาก แล้วก็ไม่ล้นตลิ่ง เพราะว่าก่อนหน้านี้ แม่น้ำมูลเราระบายได้เร็ว ลงแม่น้ำโขงไป ทำให้ระดับน้ำลดลงเป็นต้นทุนของเรา ลดลงไปเยอะร่วม 80 เซนติเมตร

แต่ในช่วงที่พายุคมปาซุมา ทำให้ฝนตกติดต่อกัน 2-3 วัน ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นสูงขึ้น 2 วันแล้ว ประมาณสัก 30 เซนติเมตร ก็ยังมีช่องว่างอยู่ ยังไม่ล้นตลิ่ง ประเมินกันว่าน้ำที่มาจากโคราช ไม่น่าจะมีผลทำให้เกิดน้ำท่วมไปมากกว่าเดิม

ส่วนน้ำสายที่ 2 คือแม่น้ำชี มวลน้ำมาจากขอนแก่น ที่พนังต่างๆ แตก แล้วก็พนังกั้น 2 ข้างลำน้ำชีซึ่งบางตอนมีปริมาณน้ำเยอะ ทำให้พนังขาด แล้วก็น้ำก็จะทะลักท่วมในวงกว้าง ที่มหาสารคาม ขณะนี้น้ำอยู่ที่ร้อยเอ็ดแล้ว คาดว่าจะมาบรรจบกับแม่น้ำมูลประมาณวันที่ 24 ตุลาคม เรียกว่าสายโคราชผ่านไป สายแม่น้ำชีจากขอนแก่นก็ตามหลังมาติดๆ เลย แต่ไม่มาเจอกันในเวลาเดียวกัน เป็นความโชคดีว่าทำให้ลำน้ำมูลระบายได้

มีการวิเคราะห์เพิ่มเติมว่า น้ำจากแม่น้ำชีที่มาจากขอนแก่น ที่ท่วมทั้งมหาสารคาม ท่วมทั้งขอนแก่นเรือกสวนไร่นาเสียหายกันเยอะ น่าจะทำให้ระดับน้ำของแม่น้ำมูลเพิ่มขึ้นไม่เกิน 30 ซม. ดังนั้น ในช่วงวันที่ 20 ถึงสิ้นเดือน สิบวันนี้ น้ำก็จะสูงขึ้น 10-20 เปอร์เซ็นต์ สูงสุดไม่เกิน 30 เซนติเมตรจากระดับปัจจุบัน ประเมินว่าคงล้นตลิ่งที่วารินอยู่บ้างสักประมาณสัก 10-15 ซม. ก็หมายความว่า ไม่สูงไปกว่าที่ท่วมเมื่อตอนต้นเดือน

ถ้าเป็นตามนี้ ปีนี้ก็ไม่น่าห่วงมากแล้ว ผู้ที่อยู่ในศูนย์พักพิง รออีกสักช่วง ปลายเดือนนี้ก็จะได้กลับเข้าสู่ที่พักอาศัยที่ท่วมอยู่ร่วมเดือนแล้ว จากนี้ไป พอน้ำเริ่มหมด ก็ต้องมาประชุมกัน เรื่องต้องชะลอให้น้ำลงแม่น้ำโขง เพราะถ้าเปิดบานหมดที่เขื่อนปากมูล น้ำจะลดอย่างรวดเร็ว แล้วจะทำให้ตลิ่งมันพัง 2 ข้างมันเป็นธรรมชาติ