จากกรณีแฟนเพจชื่อดัง โพสต์รูปภาพพร้อมข้อความเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2567 ว่า... "แฟนเพจแจ้งว่า เจอขนมโตเกียวใส่ถุงพับจากเอกสาร OPD รพ.หนึ่งในจ.อุบลฯ รายละเอียดครบเลย เป็นเพศชายติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี จะกินต่อหรือพอแค่นี้”

หลังโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไปมีคนเข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก อาทิ เห็นข่าวแบบนี้บ่อยอยู่นะคะหมอ, อีกประเด็นคือเอกสารแบบนี้หลุดออกมานอก รพ.ได้อย่างไร, ข้อมูลหลุดมาครบขนาดนี้ นี่แหละทำให้มิจฉาชีพมีข้อมูลเราครบเวลาโทรมาหลอก, เอกสารแบบนี้ไม่แน่ใจว่าคนไข้จะเป็นคนถือร่อนไปที่โต๊ะพยาบาลหน้าห้องตรวจเองด้วยใช่ปะ, แล้วผลคือติดไวรัสด้วย กลืนไม่ลงกันเลยทีเดียว

ล่าสุด วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 โรงพยาบาลอุบลรักษ์ธนบุรี ได้ออกประกาศที่แฟนเพจของโรงพยาบาลชี้แจงกรณีที่เกิดขึ้นดังนี้

เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ.2567 โรงพยาบาลอุบลรักษ์ ธนบุรี ได้รับแจ้งกรณีพบถุงห่อขนมที่ทำจากกระดาษใช้แล้ว ซึ่งมีข้อมูลที่สามารถระบุได้ว่า เป็นเอกสารของโรงพยาบาลอุบลรักษ์ ธนบุรี ที่ถูกนำออกไปจากระบบโดยมิชอบ ต่อมาได้พบว่ามีการแชร์ภาพถุงกระดาษนั้นออกไปทางสื่อโซเชียล

ทางโรงพยาบาลอุบลรักษ์ ธนบุรี จึงได้รีบดำเนินการตรวจสอบ ทบทวนระบบการจัดการเอกสารที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด ซึ่งเป็นเอกสารที่จะต้องมีการทำลายก่อนที่จะถูกนำเข้าสู่ระบบการรีไซเคิล ซึ่งพบว่าเอกสารไม่ได้รั่วไหลออกไปในช่วงขั้นตอนการเก็บรวบรวมระหว่างรอการทำลาย โดยในกระบวนการทำลายนั้นจะมีการตกลงกับผู้ให้บริการรับทำลายเอกสารนำไปดำเนินการ ดังนั้น จึงเชื่อว่าจะมีช่องโหว่ที่ทำให้ว่าเอกสารรั่วออกไปภายหลังจากผู้รับทำลายได้นำออกไปแล้ว

พร้อมกันนั้น ได้ตรวจสอบย้อนเส้นทางของถุงกระดาษที่ปรากฏตามสื่อ พบว่ามาจากผู้ประกอบอาชีพทำขนมขายในตลาดอำเภอวารินชำราบ ซึ่งได้ซื้อถุงกระดาษเพื่อมาห่อขนม โดยซื้อมาจากร้านที่รับถุงกระดาษที่มีผู้พับมาวางขาย จึงได้สอบถามร้านที่ขายถุงกระดาษ ซึ่งรับว่ารับถุงกระดาษมาจากผู้พับจริง แต่ปฏิเสธให้ข้อมูลถึงที่อยู่ของผู้ที่ประกอบอาชีพพับถุงกระดาษมาส่ง ในที่สุด จึงได้ขอซื้อถุงกระดาษที่มีอยู่ในร้านทั้งหมดเพื่อนำมาตรวจสอบ และเพื่อระงับการแพร่กระจายของเอกสารของโรงพยาบาลฯที่ยังอาจมีหลงเหลืออยู่ 

ทั้งนี้ ยังคงให้ดำเนินการติดตามสอบสวนส้นทางของเอกสารที่มีการรั่วไหลออกไปแล้ว เพื่อนำกลับมาทำลายให้หมด เพื่อตัดเส้นทางของการนำเอกสารออกนอกโรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลได้สั่งระงับการนำออกเอกสารทั้งหมดทันที และให้ทบทวนการจัดการเก็บ การตรวจสอบและการทำลายเอกสารให้ชัดเจนและรัดกุมยิ่งขึ้นต่อไป

ทางโรงพยาบาลขอน้อมรับความผิดพลาดที่ก่อให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์ครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนที่ทางโรงพยาบาลจะต้องนำมาปรับปรุงแก้ไขระบบเพื่อไม่เกิดซ้ำอีก