สะเทือนใจ ไฟไหม้โรงเทียนพรรษาวัดแจ้งวอดทั้งหลัง
วันที่ 29 กันยายน 2567 เวลาประมาณ 15.30 น. เกิดเหตุเพลิงไหม้โรงเทียนของวัดแจ้ง ต.ในเมือง อ.เมือง อุบลราชธานี โดยที่เกิดเหตุเป็นโรงเก็บต้นเทียนพรรษา ประเภทติดพิมพ์ ขนาดใหญ่ ของวัดแจ้ง เพลิงได้โหมลุกไหม้อย่างรุนแรง
เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจากองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี (อบจ.อุบลฯ) ร่วมกับเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลนครอุบลราชธานี สนธฺกำลังระดมฉีดน้ำดับเพลิง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยเพลิงได้ไหม้ต้นเทียนพรรษาวอดทั้งหมด คงเหลือแต่โครงเหล็กของต้นเทียน
แหล่งข่าวกล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ ทางวัดได้จ้างช่างมาทำการรื้อโครงต้นเทียน ประเภทติดพิมพ์ ขนาดใหญ่ ของทางวัดเพื่อเก็บรักษาไว้ใช้ในการส่งเข้าประกวดในงานแห่เทียนเข้าพรรษาในปีต่อไป ขณะช่างกำลังทำการรื้อโดยใช้เครื่องเจียรไฟฟ้า เพื่อตัดถอดอุปกรณ์ส่วนต่างๆ ของต้นเทียนจะนำลงมาเก็บ แต่ได้เกิดประกายไฟลุกไหม้ต้นเทียนอย่างรุนแรง ทำให้ต้นเทียนถูกไฟไหม้หลอมละลายทั้งหมด เหตุเพลิงไหมครั้งนี้ ไม่มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
สำหรับต้นเที่ยนพรรษาวัดแจ้ง ส่งเข้าประกวดในงานประเพณีแห่เทียนพรรษาจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2567 ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1
ลำต้น จัดทำเป็นพระสุวรรณสาม และมีบรรดาสรรพสัตว์ทั้งหลายที่ไว้วางใจ เพราะพระสุวรรณสาม มีจิตใจเมตตา ไม่เคยทำอันตรายต่อฝูงสัตว์ พระสุวรรรณสามจึงมีเพื่อนถัดมาเป็นยักษ์ซึ่งเป็นพระราชาแห่งเมืองพาราณสี มีนามว่า "กบิลยักขราช" ออกมาเทียวล่าสัตว์จนมาถึงท่าน้ำที่พระสุวรรณสามมาตักน้ำไปให้พ่อแม่ กบิลยักขราชเห็นพระสุวรรณสามก็แปลกใจว่า พระสุวรรรณสามเป็นมนุษย์หรือเทวดาเหตุใดจึงเดินมากับฝูงสัตว์ จึงคิดจะยิงธนูใส่จะได้จับตัวเพื่อชักถาม
ส่วนหลัง ได้จัดทำเป็นดาบสและดาบสสินี ซึ่งเป็นพ่อและแม่ของสุวรรณสาม ที่อาศัยอยู่ศาลาในป่า (คณะช่างได้ออกแบบศาลาเป็นหลังคาทรงมุขประเจิด) ซึ่งทั้งสองไม่สามารถมีบุตรได้ต่อมาหนึ่งพระอินทร์เล็งเห็นอันตรายซึ่งจะบังเกิดแก่ ทุกุลดาบสและปาริกาดาบสสินี จึงได้ปบุตรแก่ทั้งสองเพื่อเป็นผู้ช่วยเหลือ ปรนนิบัติในยามยากลำบาก เหตุที่ทำให้ดาบสและดาบสสินีตาบเกิดจากทั้งสองได้ออกไปหาผลไม้แล้วถูกงูพิษพ่นพิษใส่ดวงตาทำให้ตาบอดสนิท