จากเด็กผลการเรียนรั้งท้าย มุมานะจนได้ติดยศนายพัน
ภาพนายตำรวจนั่งย่อให้มารดาประดับดาวแปดแฉกมงกุฎครอบ อันหมายถึงยศพันตำรวจตรี พร้อมกับข้อความว่า "ให้แม่ประดับยศก่อนไปทำงาน" สร้างความประทับใจและยินดีกับเพื่อนและคนรู้จักที่ได้พบเห็น โดยบุคคลในภาพนั้นคือ ว่าที่ พ.ต.ต.ชนุตม์ ทองอ่อน (รอพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ) หรือ "ต๊ะ" ที่เพื่อนๆ เรียกนั่นเอง อาจมีคนอุบลฯ หลายคนที่เติบโตในแวดวงทหารตำรวจจนถึงระดับยศนายพล แต่กับ ต๊ะ ต้องถือว่าชีวิตพลิกผันสุดๆ จากเด็กที่เรียนไม่เก่ง จัดอยู่ในกลุ่มรั้งท้ายของห้อง ต้องใช้ความมุมานะ พยายามอยู่หลายครั้ง กว่าจะมีวันนี้ วันที่ทำเพื่ออนาคตของตัวเอง และทำเพื่อให้แม่ภาคภูมิใจ
ว่าที่ พ.ต.ต.ชนุตม์ ทองอ่อน "ต๊ะ" ให้สัมภาษณ์กับไกด์อุบลว่า ตนเป็นเด็กอุบลฯ มีคุณพ่อคุณแม่รับราชการเป็นครูโรงเรียนชั้นประถมศึกษา ชีวิตในวัยเด็ก เรียนชั้นประถมที่โรงเรียนเทศบาล 2 หนองบัว ถือว่ากดดันมาก เพราะเนื่องจากคุณแม่ก็เป็นครูอยู่ที่นี่ แถมตัวเองก็เรียนไม่เก่ง ซน ไม่อยากเรียน มักจะโดนเปรียบเทียบกับลูกข้างบ้านเสมอว่า ทำไมไม่เก่งเหมือนเขา จริงๆ ในตอนนั้นไม่อยากเรียนวิชาคณิตศาสตร์เลย ไม่อยากรับรู้เกี่ยวกับวิชานี้เลย แม่ก็พยายามสอนจนต้องให้ครูอื่นมาสอน แต่ก็ยังไม่เก่งอยู่ดี จบชั้นประถมแบบกระท่อนกระแท่น แต่ก็ยังสอบเข้าโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอุบลราชธานีอย่าง โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ได้
ที่โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช ชั้นมัธยมต้น รอลุ้นแต่ว่าภาคเรียนนี้จะได้ 0 กี่ตัว ส่วนใหญ่วิชาคณิตศาสตร์ไม่ 0 ก็ 1 ได้เกรดเฉลี่ย 1.78 จนจบ ม.3 ดีขึ้นนิดหน่อย ได้เกรดเฉลี่ย 1.98 เรียนต่อ ม.ปลาย ที่โรงเรียนเดิม สมัยนั้นการเป็นทหาร ตำรวจ เป็นความใฝ่ฝันของเด็กผู้ชายส่วนมาก แต่สำหรับ ต๊ะ ไม่เคยมีความคิดในหัวว่าจะสอบเตรียมทหารเป็นตำรวจได้เลย คิดอยู่เสมอว่าตัวเองเรียนแค่นี้จะสอบได้อย่างไร คนอื่นไปติวเพื่อเตรียมสอบโรงเรียนเตรียมทหาร แต่กับตัวเองติวเพื่อไม่ให้ติด 0 เท่านั้น จนจบ ม.6 ได้เกรดเฉลี่ยสูงสุด 2.50 ไม่เคยได้เกรด 3-4 กับเขาเลย มีความสุขกับการวิชาเกษตรมากกว่า เพราะแค่รถน้ำต้นไม้เช้าเย็น อย่าให้ต้นไม่ตายก็พอ
ช่วงสอบเอ็นทรานต์เป็นช่วงที่กดดันมากๆ เพราะเพื่อนหลายคนสอบได้ ได้มหาวิทยาลัยดังๆ แต่เราสอบไม่ติดสักที่เลย ยิ่งพี่สาวทั้ง 2 คน สอบติดได้อยู่มหาวิทยาลัยรัฐใกล้บ้านแล้ว ยิ่งเพิ่มความกดดันเป็นหลายเท่า แต่แม่มาให้กำลังใจบอกว่าไม่ต้องห่วงนะลูก แม่เองก็จบจากวิทยาลัยครูอุบล แม่ก็ได้ทำงาน เรามานั่งคิดใหม่ว่าจุดมุ่งหมายของเราคืออะไร ในครอบครัวข้าราชการ ยังยึดติดกับคำว่า “ข้าราชการ” ซึ่งเป็นหลักที่ตัดสินใจไปเรียนคณะรัฐประศาสนศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เพราะสามารถไปข้าราชการได้หลายอย่าง โดยคิดว่าอยากทำงานราชการ เพื่อความมั่นคง
หลังจากจบปริญญาตรีแล้ว ก็ยังไม่ได้รับราชการตามที่หวัง ได้ทำงานเป็นพนักงานจ้างทั่วไปที่เทศบาลนครอุบลฯ ระหว่างนั้นก็เดินสายสอบรับราชการและเรียนต่อในระดับปริญญาโท จนจบคณะรัฐศาสตร์ สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ซึ่งการสอบแข่งขันข้าราชการนั้นไม่ง่ายเลย ในแต่ละครั้ง ตำแหน่งมีแค่ 10 แต่คนสมัครมีเป็นหมื่นๆ คน ทำได้แค่เป็นอันดับสำรองหลายๆ สนามสอบ ทั้ง สอบ กพ. และท้องถิ่น ในระหว่างที่สอบไปเรื่อยๆ ต้องเสียค่าเดินทางมาก และรบกวนน้าและน้าเขยในการเดินทางไปพักอาศัยอยู่บ่อยครั้ง จนรู้สึกท้อใจและแทบจะถอดใจแล้ว
อยู่มาวันหนึ่ง เพื่อนที่เคยเรียนด้วยกันชวนให้ลองมาสอบนายสิบตำรวจ ตอนแรกไม่สนใจเพราะเราไม่มีความคิดในสมองเลย แต่ก็ตัดสินใจลองไปสอบดู ครั้งแรกไปสอบสายอำนวยการ ที่ จังหวัดนครราชสีมา ก็สอบไม่ติด พอครั้งที่สอง เปลี่ยนมาสอบในสายงานป้องกันปราบปราม คราวนี้สอบข้อเขียนผ่าน แต่ต้องไปทดสอบต่างๆ เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ที่จังหวัดสระบุรี จึงต้องมาหัดออกกำลังกายที่ทุ่งศรีเมือง ไปว่ายน้ำ จนผ่านได้บรรจุเป็นนายสิบตำรวจที่จังหวัดอ่างทองในที่สุด
ระหว่างเป็นนายสิบตำรวจ ประจำพื้นที่ จ.อ่างทอง 2 ปี เพื่อนสอบติดนายร้อยได้ ทำให้มีแรงบันดาลใจ ขนาดเพื่อนยังสอบได้ ช่วงนั้นมีการเปิดสอบบุคคลภายในเพื่อเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่ก็สอบไม่ได้ เนื่องจากคะแนนตัดกันสูง คราวนี้ไม่เสียใจเท่าไหร่ เพราะเรามีภูมิคุ้มกันในการท้อแท้แล้ว เนื่องจากก่อนหน้านั้นสอบหลายสนาม เลยตั้งใจไว้ว่าสักวันหนึ่งเราจะเป็นนายร้อยให้ได้
ต่อมามีการเปิดรับสมัครบุคคลภายใน วุฒิปริญญาโท เพื่อทำหน้าที่อาจารย์ ซึ่งเปิดรับแค่ 30 ตำแหน่ง เท่านั้น พี่ที่ทำงานชวนไปสอบเป็นเพื่อน และพูดว่า "มีวุฒิโทไม่ได้มีเอาไว้แปะฝาบ้านนะ ยังใช้ทำอย่างอื่นได้" ตอนนั้นมีคนสมัคร 7 พันกว่าคน ถึงวันประกาศผล พี่โทรมาดีใจด้วย ตอนแรกไม่เชื่อนึกว่าพี่อำ แต่ไปเปิดดูเลยดีใจมาก เพราะการเป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร เป็นความใฝฝันของนายสิบตำรวจทุกนาย ต่อมาได้รับการบรรจุในตำแหน่ง อาจารย์ (สบ 1) ศฝร.บช.น. ภาควิชาบริหารทั่วไป
ปี พ.ศ.2564 ดำรงตำแหน่งอาจารย์ (สบ 1) ศฝร.บช.น. ภาควิชาบริหารงานตำรวจ พร้อมกับได้รับการแต่งตั้งเลื่อนยศเป็นพันตำรวจตรี ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 ได้รับตำแหน่ง อาจารย์ (สบ 2) กอจ. ศฝร.บช.น.
ก่อนปิดการสัมภาษณ์ ว่าที่ พ.ต.ต.ชนุตม์ ทองอ่อน "สารวัตรต๊ะ" กล่าวกับไกด์อุบลว่า ชีวิตมาถึงวันนี้ได้ รู้สึกดีใจมาก เนื่องจากตั้งแต่เด็กๆ จะคิดเสมอว่า ตัวเองเรียนไม่เก่ง สอบแข่งขันก็สู้คนอื่นไม่ได้ จนเมื่อเริ่มทำงาน ตั้งเป้าหมายในชีวิต และพยายามเดินไปตามความฝัน แม้จะผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่หากเรายังมีความพยายามอยู่ สักวัน ความสำเร็จอาจจะมาเป็นของเราบ้างก็ได้ จากเด็กที่ผลการเรียนรั้งท้ายของห้อง ยังสามารถต่อสู้แข่งขันจนมาถึงวันนี้ได้ จากคนที่แม่เป็นห่วงที่สุดในบรรดาพี่น้อง ยังทำให้แม่ภาคภูมิใจกับลูกคนนี้ได้ "ต๊ะ" ว่าที่ พ.ต.ต.ชนุตม์ ทองอ่อน