กัปตันเที่ยวบินประวัติศาสตร์ "อู่ฮั่น" ลูกแม่ไทรงาม ศิษย์เก่า บม.ปี 2530
ทันที่ที่เที่ยวบินประวัติศาสตร์ ไทย-อู่ฮั่น ที่คนไทยทั้งประเทศเฝ้าติดตามและรอคอย สายการบินไทยแอร์เอเชีย เที่ยวบินที่ FD 571 ลงแตะพื้นสนามบินอู่ตะเภา ทุกคนต่างชื่นชมนักบิน ลูกเรือ และบุคลากรทุกคนที่อาสาไปรับคนไทยกลับบ้าน และยกย่องว่าเขาเหล่านั้นคือฮีโร่ของคนไทยทั้งประเทศ
เป็นเรื่องน่ายินดีสำหรับคนไทยทั้งประเทศ และยังเป็นเรื่องน่าภาคภูมิใจของลูกแม่ไทรงาม หรือลูกศิษย์โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช อุบลราชธานี ทุกคน เมือทราบจากคุณ วรัญญา สุรินทร์ศิริรัฐ ว่า กัปตันมนูญ คือลูกแม่ไทรงามคนหนึ่ง เหมือนกัน โดยทั้งคุณวรัญญา และกัปตันมนูญ จบจากโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราชปีเดียวกัน คือ พ.ศ.2530
กัปตันมนูญ เจริญลอย คนบ้านนาส่วง อ.เดชอุดม จังหวัดอุบลราชธานี นักบินในเที่ยวบินดังกล่าว โพสเฟสบุ้คส่วนตัว Manoon Jarornloy ว่า "ผมไม่ใช่ฮีโร่" พร้อมเล่าเบื้องหลังที่ไม่มีใครรู้ ถึงขั้นตอนการประสานงาน กว่าจะได้เดินทางไป จนกลับถึงประเทศไทย ดังนี้
ผมไม่ใช่ฮีโร่…
หลายคนที่รู้จักผม…ตอนเช้าของวันที่4 คงรู้แล้วว่า ผมเป็นคนบินไปรับคนไทยในหวู่ฮั่น(WUH) เพราสื่อต่างๆ ออกข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก และเผอิญมีภาพบางภาพในข่าว มีติดรูปผมไปด้วยทั้งที่ตามแผนของคณะทำงาน ที่มีกระทรวงต่างประเทศ เป็นแม่งาน ไม่ได้เป็นอย่างนั้น…
…สั้น…เงียบ…ใช้คนน้อยสุด…คือสิ่งที่ตกลงกันไว้…แต่อย่างว่า บางอย่างก็เหนือการควบคุม…
ตอนไวรัสโคโรนาเริ่มระบาด…ทางด่านควบคุมโรคดอนเมือง…ได้ทำงานร่วมกับสายการบิน ในการตรวจคนที่มาจากWUH อย่างต่อเนื่อง…ก่อนที่ข่าวจะดังเสียอีก
สายการบินเรา…จากปกติ…ที่ทำการฆ่าเชื้อตามวงรอบ…ก็มาทำถี่ขึ้น และกลายทำทุกเที่ยวบินทันที ที่กลับจาก WUH ก่อนนำไปใช้ต่อ ทั้งนี้เพื่อให้มั่นใจว่า เครื่องเราสะอาดแน่ๆ สำหรับ ผดส ทุกคน
การตรวจ ผดส มีเฉพาะขาเข้า…แต่เราคิดว่า ไม่พอ และเป็นปัญหาที่ปลายทาง ถ้ามีคนที่มีไข้ แม้ไม่ได้เป็นไข้หวัดหวู่ฮั่นก็ตาม
รวมทั้ง. เราต้องการความมั่นใจว่า…ผดส คนอื่น รวมทั้งน้องๆพนักงานของเรา จะปลอดภัยในการโดยสารกับเรา…ทีมงาน Exit Screen จึงเกิดขึ้น อย่างฉุกละหุก ด้วยความร่วมมือของน้องๆนักบินที่เป็นหมอ น้องๆลูกเรือที่เป็นพยาบาลโดยหัวหน้าลูกเรือคนสวยและทีมในแผนกเป็นกำลังหลัก security GS รวมทั้ง Safetyด้วย
หมอป๊อก…กับทีมแพทย์สี่คน ที่เป็นนักบินของเรา ทั้งเป็นกำลังหลักในการตรวจ…และทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ให้น้องๆในทีม ก็ไม่สามารถมาได้ทุกวัน เพราะเราต้องทำระยะยาว ผมเลยเรียนปรึกษา CEO เพื่อที่จะจ้างพยาบาลมาช่วย
ระหว่างนั่งทำงานรอ…ครูม้ง ซึ่งเป็น HFO ของเราเดินมาหา บอกว่า CEO เรียกพบ…
…พี่ต๊อกบอกว่า…เราอาจต้องทำเที่ยวบินรับคนไทยจากWUH มึงว่าไง… ม้งพูดกับผมระหว่างเดินไปห้องทำงาน CEO
กูกำลังคิดเรื่องนี้พอดี ว่าทำไมรัฐบาลไม่เอาคนออกมา…ไม่มีปัญหาหรอก เดี๋ยวกูบินเอง…ผมบอกกะม้ง
งั้นมึงกะกูบินด้วยกัน จะได้ตัดปัญหา…ไม่ต้องเอาคนอื่นไปเสี่ยง ม้งบอกผมก่อนเข้าห้อง CEO
...พี่ รบ ขอความร่วมมือมา…ให้เรารับคนไทย จากหวู่ฮั่นพี่ว่าไง…พี่ต๊อกเอ่ยขึ้น
พร้อมครับ…ม้งตอบ เดี๋ยวผมสองคนบินเอง น้องลูกเรือก็ไม่น่ามีปัญหา…
งั้นผมตอบตกลงเขาไปนะ น่าจะประมาณวันที่1-2 เราพร้อมนะ…
พร้อมครับ…เราตอบพร้อมกัน
วันรุ่งขึ้น…ม้ง ผม และหัวหน้าลูกเรือ โดนเรียกให้ไปประชุมด่วนกับคณะทำงานของ รบ.ที่มีทั้งทีมแพทย์ ท่าฯ ตม.ทหาร ที่กรมกงสุล
เราแบ่งหน้าที่กันทำตามความรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย…ส่วนวันเวลานั้น รอคอนเฟิร์มจากจีน
ขอให้เป็นความลับนะ…ท่านอธิบดีบอก ก่อนเลิกประชุม…ผมเหลือบไปเห็นไลน์เด้งขึ้นมา เลยตอบไปว่า…
…ไม่ลับแล้วล่ะครับ…มีการแถลงแล้วว่า… ไปวันที่ 1 …
ทุกคนในห้องถอนหายใจดังเฮ้อ…
คนจะไปยังไม่รู้เลย ว่าจะไปวันไหน…ผมคิดในใจ
กลับจากประชุม…ผมไปงานเลี้ยง ชนอ.ม้งต้องไปร่วมวางแผนกับแผนกอื่นๆ และรายงานการประชุม ให้พี่ต๊อกฟัง เลยถูกพี่ต๊อกขอให้เปลี่ยนคนบิน จากเดิม ผม ม้ง และปุ้ม หัวหน้าลูกเรือ เพราะแกบอกว่า ถ้าพวกพี่โดนกัก จะทำไง…เพราะสามคนไปด้วยกัน ใครจะทำงาน เพราะทั้ง ผู้อำนวยการ ผู้จัดการ ไปกันหมด ซึ่งเรื่องนี้ ผมคุยกะม้งแล้วว่า…มันไม่ควรไป แต่ผมไปได้ เพราะงานผม อยู่ไหนก็ทำได้ ส่วนม้ง ต้องร่วมประชุมเรื่องสำคัญ…บ่อยๆ สรุปคือ ม้งคอยติดต่อกับกงสุล ทีมคุณหมอ แผนกต่างๆภายในแอร์เอเชีย คือเป็นผู้อำนวยการศูนย์นั่นเอง
…เมื่อข่าวมันออกไป ว่าแน่นอน แอร์เอเชียเป็นคนไปรับคนไทย…นักบินในกลุ่มไลน์ต่างเสนอตัว ที่จะไปทำหน้าที่นี้ จริงๆเขาคุยกันก่อนหน้านั้นแล้วล่ะ ว่า ถ้า รบ ให้เราทำ หลายคนเสนอตัวที่จะทำ โดยไม่รับเงินค่าบิน บางคนหลังไมค์มาก็มี ผมก็ตอบทีเล่นทีจริง…ว่าให้ลงชื่อไว้ เราทำจริงๆ ผมจะได้ไม่ต้องหาให้ยาก…ปรากฏว่ามีคนสมัคร ทั้งหน้าไมค์หลังไมล์แป๊บเดียวเกือบ 20 คู่ ผมเลยต้องบอกว่า…ผมพูดเล่น ยังไม่ความคืบหน้าว่าเราจะทำมั้ย
วันอาทิตย์ที่ 2 เราโดนเรียกเข้าประชุมวางแผนละเอียดอีกครั้ง…หลังได้รับไฟเขียวจากจีน ว่าคือวันที่4 …การนัดหมายโหลดของ การเดินทาง สถานที่รับตัวคนไทย ถูกสรุปในวันนั้น…และทุกอย่างถูกกำชับให้เป็นความลับ
แต่…มีคนเงยหน้ามาบอกว่า…ทุกคนรู้แล้ว ว่าเราจะไปลงอู่ตะเภา…ข่าวลงแล้ว
วันจันทร์ที่ 3 ทางทีมแอร์เอเชีย…ถูกนัดหมายให้ไปซ้อม การใส่ขุดป้องกัน(PPE) เพราะหมอบอกว่า การใส่น่ะง่าย แต่การถอด…อาจทำให้ติดเชื้อได้
การซ้อมรอบเช้ายังไม่สมบูรณ์ เพราะขั้นตอนการคัดกรอง ผดส ก่อนขึ้นเครื่อง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อย สี่ชั่วโมง ต้องให้ลูกเรือช่วย เราจึงต้องบรีฟกันอย่างละเอียด และเราต้องเข้าพบนายกฯในตอนบ่าย ก่อนที่น้องๆจะกลับไปซ้อมอีกรอบ ส่วนผมกับอั๋นแยกตัวกลับ เมื่อเรากลับมาถึงบำราศนาดูร
เช้าวันที่4…วันออกเดินทาง ซึ่งคือเวลา 0710 ผมนัดลูกเรือ ทีมแพทย์7 คน และเจ้าหน้าที่ กต 2 คน บรีฟขั้นตอนสุดท้าย ตอน0510
…ใครจะรับผิดชอบอะไรตอนไหน และ chain of command ในcabin เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป…ในขากลับ
…เมื่อประตูเปิดที่WUH ขอให้ลูกเรือ เขื่อฟังคุณหมอ ซึ่งนำโดย ผอ.ของบำราศ เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อโดยไม่ตั้งใจ…แต่เมื่อประตูปิดแล้ว การสั่งการเป็นหน้าที่ของหัวหน้าลูกเรือนะครับ…จนกว่า sign off คุณหมอถึงกลับมานำอีกครั้ง…เกิดมีผู้ป่วยฉุกเฉินบนเครื่อง หมอเป็นคนสั่งการ
แต่ถ้าเกิดEmergency ให้ลูกเรือเป็นคนสั่งการทั้งหมด…ผมบรีฟคร่าว…
ก่อนขึ้นเครื่อง…รมต.สาธารสุขมาส่งที่เครื่อง มีการถ่ายรูปเป็นที่ระลึก…
เรา Landing ที่ WUH ตอน 1115 เวลาหวู่ฮั่น เรารีบกินข้าว…และทำธุระส่วนตัว ก่อนที่จะบอร์ด ผดส เพราะหมอบอกหลังจากนั้น เราจะไม่สะดวกอีก
เราใช้เวลาคัดกรองและบอร์ด เกือบ 6 ชม ซึ่งยาวนานมาก ผมกะอั๋นและ Engineer เก็บตัวในห้องนักบิน…น้องๆลูกเรือ ช่วยหมอในการจัดที่นั่ง ผดส และออกที่นั่งให้
ทำไมต้องทำขนาดนั้น…
1.เราต้องมั่นใจว่า คนที่อาจมีอาการ หรือติดเชื้อ ต้องถูกแยกไปนั่งต่างหาก และใช้ห้องน้ำที่แยกไว้ให้
2.คนที่มีแข็งแรงแต่อยู่พื้นที่เสี่ยง ต้องนั่งอีกโซน
3.กลุ่มสุดท้าย คือกลุ่มเสี่ยงน้อย จะจัดนั่งข้างหน้า
ผม…งีบรอในห้องนักบินครับ
แต่…ตื่นขึ้นมาทีไร ผมก็ยังเห็นน้องๆ ทั้งหมอ และลูกเรือ ทำงานด้วยความร่าเริงตลอดเวลา มีการเอนเตอร์เทน ผดส ตลอดเวลา
คุณคิดดูว่า ในมุมของ ผดส คนแรก ต้องรอคนสุดท้ายเกือบ 6 ชั่วโมง มันน่าเบื่อขนาดไหน…
การบอร์ดอันยาวนาน…สิ้นสุดลง เราเริ่มขออนุญาตถอย และทำการวิ่งขึ้น…สนามบินที่เคยคับคั่งไปด้วยเครื่องบินจากนานาประเทศ ตอนนี้เป็นของเราคนเดียว
…ขอพูดถึงทีมแพทย์ชุดนี้ เจ้าหน้าที่ กต รวมถึงน้องๆลูกเรือของเรา ต้องขอบอก พวกเขาสุดยอด ทั้งความรู้ การเตรียมการ การทำตามแผนและนอกแผน
หลังจากการตรวอันยาวนาน…ตอนแรกเราจะให้ ผดส แค่น้ำ 2 ขวด แซนวิช เจลล้างมือ ซึ่งจะวางไว้ที่ที่นั่ง ก่อนจะบอร์ด ผดส เพื่อบดขั้นตอนการบริการ ในแผนจะไม่มีการบริการอาหารร้อน
แต่…ด้วยเวลาที่ทอดยาวออกไป ผดส มารอแต่เช้า…และไม่มีอะไรขายที่สนามบิน อาหารที่เราโหลดมาเพื่อใช้ในกรณีไดเวิร์ด…ถูกนำมาใช้จนเกลี้ยง
โชคดีจริงๆ ที่เราคิดถึงกรณีนี้ไว้ ตามข้อเสนอของปุ้ม หัวหน้าลูกเรือ เพราะถ้าเราไปลงสนามบินกลางทาง ในกรณีฉุกเฉิน ไม่มีใครให้เราลงจากเครื่องแน่ เราควรมีน้ำ และอาหารสำรอง ก่อนเครื่องRescue จะมารับ
จากแผนไม่เสิร์ฟระหว่างเที่ยวบิน ต้องมาทำ Fulservice น้องๆลูกเรือ ต้องอุ่นอาหารแบบด่วน ทายสิครับ ใครจะเป็นคนเสิร์ฟ…
ทีมหมอ และพยาบาลสิครับ แม้แต่…ผอ.บำราศนาดูร ก็ได้ทดลองอาชีพสจ๊วตครั้งแรก คุณหมอ พยาบาล ที่ข้างล่าง คนเรียกอาจารย์ วันนี้ต่างทำหน้าที่บริการอาหารอย่างแข็งขัน
เรามีหมอจิตเวช และเจ้าหน้าที่ กต ไปด้วย ทุกคนช่วยกันเอนเตอร์เทน ผดส ตลอดเวลา…เพื่อลดความเครียด ที่รอกลับบ้านเป็นเวลานาน ทุกคนทำหน้าที่ของตนอย่างสุดยอดจริงๆ
เราลงที่อู่ตะเภา…และตามคาด มีคนมากมายมารอทำข่าว…และคุณหมอก็ได้ทำหน้าที่สุดท้ายของตนเองบนเครื่องบิน คือ ทำความสะอาดเครื่องบิน เก็บขยะลงถุงปลอดเชื้อ พ่นสเปร์ยฆ่าเชื้อ ก่อนทีมฆ่าเชื้อของฝ่ายช่างแอร์เอเชียจำมาทำซ้ำอีกรอบ
ผมไม่รู้ว่า…เมื่อคืนนี้ ผดส ผมได้นอนเมื่อไหร่ ทีมหมอและ กต ได้กินข้าวมั้ย เพราะผม…แอบนำทีมลูกเรือหลบมาก่อน
ผมยอมรับในหัวใจ ของคุณหมอ และ กต ชุดนี้จริงๆ ทำงานหนักตลอดวัน อย่างมีพลังและร่าเริงตลอดเวลา ลูกเรือผมก็เช่นกัน
…ถ้าจะมีใครถูกเรียกว่าฮีโร่…นั่นคือพวกเขาครับ
ขอซูฮก…ทีมคุณหมอ และเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศ ทั้งสองคนด้วยใจจริง
จบการทำงาน…18 ชั่วโมงอันยาวนานครับ