วันที่ 28 กันยายน 2565 ศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกาศฉบับที่ 12 (56/2565) เมื่อเวลา 04.00 น. พายุไต้ฝุ่น "โนรู" ได้เคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณเมืองดานัง ประเทศเวียดนามแล้ว มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 70 กิโลเมตร ทางตะวันออกของแขวงเซกอง ประเทศลาว หรือที่ละติจูด 16.1 องศาเหนือ ลองจิจูด 108.1 องศาตะวันออก โดยมีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ด้วยความเร็วประมาณ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะอ่อนกำลังลงเป็นพายุโซนร้อน และเคลื่อนผ่านประเทศลาวตอนล่าง เข้าปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างของประเทศไทย บริเวณจังหวัดอำนาจเจริญและอุบลราซธานี ในวันที่ 29 กันยายน 2565 โดยพายุนี้จะอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่น และหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงตามลำดับ ทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างในช่วงวันที่ 28-30 กันยายน 2565 มีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่กับมีลมแรง ซึ่งมีผลกระทบตามพื้นที่บริเวณจังหวัดต่างๆ ดังนี้

ในช่วงวันที่ 28-29 กันยายน 2565 : บริเวณจังหวัดมุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ และอุบลราชธานี

ในวันที่ 30 กันยายน 2565 : บริเวณจังหวัดนครราชสีมา และบุรีรัมย์

ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากลมแรง ฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำปาไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน รวมทั้งพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย และติดตามข่าวพยากรณ์อากาศจากศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างอย่างใกล้ชิดต่อไป

สำหรับรายงาน ระดับน้ำท่าแม่น้ำมูล ที่สถานี M.7 สะพานเสรีประชาธิปไดย อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี ระดับน้ำเมื่อเวลา 06:00 น. วัดได้ 113.73 ม.รทก. เพิ่มขึ้น 0.13 เมตร จากเมื่อวาน สูงกว่าปีที่แล้ว 1.72 เมตร อัตราการไหล 3,401.00 ลบ.ม./วินาที

ระดับตลิ่งฝั่ง อำเภอวารินชำราบ เฉลี่ย +112.00 ม.รทก.
ระดับตลิ่งฝั่ง อำเภอเมืองอุบลราชธานี เฉลี่ย +113.00 ม.รทก.

จังหวัดอุบลราชธานี ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำเอ่อลันตลิ่ง บริเวณที่ลุ่มต่ำ ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร ส่งผลให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน จำนวน 14 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี วารินชำราบ เดชอุดม นาจะหลวย น้ำยืน ทุ่งศรีอุดม น้ำขุ่น ม่วงสามสิบ ตาลสุม เขื่องใน ดอนมดแดง ตระการพืชผล พิบูลมังสาหาร และอำเภอสว่างวีระวงศ์ 

ด้านการดำรงชีพ ได้รับผลกระทบ 4 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอวารินชำราบ อำเภอพิบูลมังสาหาร และอำเภอสว่างวีระวงศ์ อพยพ 44 ชุมชน ตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 40 จุด พักบ้านญาติ จำนวน 140 ครัวเรือน และอพยพขึ้นที่สูง 154๑๕๔ ครัวเรือน