อัฐิของพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) เก็บไว้ที่ใด
เป็นที่ทราบกันดีว่า พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) เจ้าเมืองอุบลราชธานีคนแรก เป็นบุตรของเจ้าพระตาและนางบุศดี เกิดเมื่อ พ.ศ.2252 ณ นครเวียงจันทน์ ท่านเป็นหลานปู่เจ้าปางคำ เจ้านายในราชวงศ์เชียงรุ้ง ผู้สร้างเมืองหนองบัวลุ่มภู (จังหวัดหนองบัวลำภูในปัจจุบัน) หรือนครเขื่อนขันธ์กาบแก้วบัวบาน ได้อพยพมาอยู่ที่ดอนมดแดง เมื่อ พ.ศ.2321 พระเจ้ากรุงธนบุรี โปรดเกล้าให้ พระปทุมสุรรราช หรือเจ้าคำผง เป็น "พระประทุมราชวงศา" เจ้าเมืองอุบลองค์แรก
ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก โปรดเกล้าฯ ให้พระประทุมราชวงศา เป็น "พระประทุมวรราชสุริยวงษ์" และเสริมนามเมืองอุบลขึ้นเป็น "เมืองอุบลราชธานีศรีวะนาไลประเทษราช" ขึ้นตรงต่อกรุงเทพ เมื่อวันจันทร์ แรม 13 ค่ำ เดือน 8 จุลศักราช 1154 ตรงกับ พ.ศ.2335
พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ ครองเมืองอุบลราชธานีตั้งแต่ตั้งเมืองมาเป็นเวลา 17 ปี จนถึง พ.ศ.2338 จึงถึงแก่พิราลัย สิริรวมอายุได้ 85 ปี มีการทำพิธีเผาพระศพด้วยเมรุนกสักกะไดลิงค์ที่ทุ่งศรีเมือง
คุณพ่อบำเพ็ญ ณ อุบล (ท้าวดอกหมาก) หรือบางคนเรียนท่านว่า ท่านอัยการบำเพ็ญ (เสียชีวิตแล้ว) ถือว่าเป็นผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลเจ้านายเมืองอุบลโดยตรง ในวัยเด็กท่านได้ใกล้ชิดกับปู่ย่าตายาย ซึ่งเป็นผู้สืบเชื้อสายอาญาสี่ หรือเจ้าเมืองอุบลในอดีต ทำให้มีความรู้เรื่องและเก็บรักษาข้าวของเครื่องใช้ หรือเครื่องยศเจ้าเมืองโบราณไว้มากมาย ซึ่งรวมถึงอัฐิของพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) ผู้สร้างเมืองอุบล ผู้ครองเมืองอุบลราชธานีพระองค์แรก และอัฐิของพระพรหมราชวงษา (ท้าวทิศพรหม) ผู้ครองเมืองอุบล องค์ที่ 2 ด้วย
ภายหลังคุณพ่อบำเพ็ญ ได้มอบอัฐิต้นตระกูลของท่านไว้กับเจ้าอาวาสวัดหลวง มีการบำเพ็ญกุศลช่วงเดือนเมษายนของทุกปี ภายหลังจากสร้างอนุสาวรีย์เจ้าคำผง ประดิษฐานที่วัดหลวง ซึ่งเป็นวัดประจำพระองค์แล้วเสร็จ จึงมีพิธีบรรจุอัฐิเจ้าคำผง และท้าวทิศพรหม ไว้ใต้ฐานอนุสาวรีย์ฯ เมื่อวันที่ 20 เมษายน 2556 ที่ผ่านมา โดยมีเกจิอาจารย์ชื่อดัง มาร่วมพิธีมากมาย
ทุกวันที่ 10 พฤศจิกายน ของทุกปี จังหวัดอุบลราชธานีจัดให้มีพิธีบวงสรวงและสดุดีวีรกรรม พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) ผู้ครองเมืองอุบลราชธานีคนแรก โดยจะมีขบวนอัญเชิญเครื่องยศเจ้าเมืองโบราณ จากวัดหลวงมายังบริเวณอนุสาวรีย์พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ ทุ่งศรีเมือง จากนั้นเป็นพิธีวางขันหมากเบ็งและรำถวายมือ ขอเชิญชาวอุบลฯ ทุกท่านร่วมงานตั้งแต่เวลา 06.30 น. เป็นต้นไป