พระแท่นที่ประทับพระราชทานปริญญาบัตร ม.อุบลฯ
งดงามพระแท่นที่ประทับพระราชทานปริญญาบัตร ม.อุบลฯ แนวคิดพหุวัฒนธรรมล้านช้างผสานศิลปะเหวี่ยดเกี่ยว (ญวน) ไท-อุบล
พิธีพระราชทานปริญญาบัตร ผู้สำเร็จการศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ปีการศึกษา 2565 นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเทิดไว้เหนือเกล้าฯ แก่บัณฑิต รุ่นที่ 32 ในวโรกาสที่ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ พระราชทานปริญญาบัตร เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2567 มีบัณฑิตทุกระดับจำนวน 2,290 ราย เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร
ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ได้ตกแต่งสถานที่ทั้งภายในและนอกอาคารเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบ พระชนมพรรษา ได้อย่างงดงามและสมเกียรติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพระแท่นที่ประทับพระราชทานปริญญาบัตร และบริเวณเวทีได้นำเสนอเรื่องราว พหุวัฒนธรรมล้านช้างผสานศิลปะเหวี่ยดเกี่ยว(ญวน)ไท-อุบล ซึ่งเป็นผลงานการออกแบบ ของคณาจารย์คณะศิลปประยุกต์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
ดร. ติ๊ก แสนบุญ รองคณบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย คณะศิลปประยุกต์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ กล่าวถึงแนวคิด พหุวัฒนธรรมล้านช้างผสานศิลปะเหวี่ยดเกี่ยว (ญวน) ไท-อุบล เป็นการผสานกับวัฒนธรรมลาวล้านช้างเมืองอุบลราชธานี อันมีสายพระวอพระตาอันเป็นที่มาของประวัติศาสตร์การสร้างบ้านแปลงเมืองอุบลราชธานี โดยสื่อความหมายผ่านงานตกแต่ง ซึ่งเลือกแม่ลายช่อดอกกาละกับ หรือ ลายดอกบักนัด(ดอกสับปะรด)ในภาษาถิ่น ซึ่งถือเป็นแม่ลายสำคัญเอกลักษณ์สกุลช่างหลวงสายเวียงจันทน์แห่งราชสำนักล้านช้าง
ศิลปะเชิงช่างญวนได้เข้ามาผสมผสานกับศิลปวัฒนธรรมอีสานจนก่อให้เกิดเป็น นวัตกรรมแห่งการสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นเป็นหลักฐาน ทั้งในฐานะวัตถุทางวัฒนธรรมที่สนองตอบทั้งทางด้านร่างกายด้านความเป็นอยู่ และจิตใจ สะท้อนผ่านประโยชน์การใช้สอยใหม่ และรูปลวดลายสัญญะทางคติความเชื่อใหม่ ๆ ที่นำเข้ามาสู่โลกทรรศ์ทางความคิดความเชื่อต่อคนอีสาน โดยแสดงออกผ่านรูปแบบและคติความเชื่อใหม่ร่วมกัน
ดังนั้น จึงเป็นที่มาของการนำศิลปะเหวี่ยดเกี่ยวหรือญวน มาเป็นกรอบแนวคิดหลักในการสื่อความหมายผ่านงานสร้างสรรค์ ในรูปแบบต่างๆโดยมีรูปสัญญะสำคัญ เช่น
มังกร หรือ ลอง เล้ง สัตว์สัญญะแห่งมงคลคติ กรอบแนวความคิด มังกร ยังเกี่ยวข้องสัมพันธ์กับคติความเชื่อเรื่อง พญานาค หรือ นาคาคติ ซึ่งพบอยู่ทุกกลุ่มสกุลช่างทั้งอีสาน และลุ่มน้ำโขง โดยนาค หรือ พญานาค ในวัฒนธรรมลาวสองฝั่งโขงนิยมเรียกตัวลวง หรืองูสรวงก็เรียก โดยใช้เรียกแทน สัตว์เลื้อยคลานในจินตนาการประเภท งู ที่มีปรากฏการณ์ความเชื่อทั้งในโลกวัฒนธรรมตะวันตกและโลกตะวันออก
ทั้งนี้ พญานาค ในวัฒนธรรมอื่น ๆโดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่รับอารยธรรมจากจีน เช่น ญี่ปุ่น เกาหลีและญวนใช้สัญลักษณ์เป็นรูป มังกร ซึ่งก็ผิดกันกับพญานาคก็เฉพาะรูปร่างหน้าตาและชื่อเรียกเท่านั้นซึ่ง จีนเรียกว่า เล้ง เล่ง หรือ หลง โดยคนไทยนิยมเรียกว่า มังกร ซึ่งอาจมาจากภาษาบาลีสันสกฤตว่า มกร โดยมังกรหรือ ลอง ในวัฒนธรรมเวียดนามมีความหมายแห่งพลังอำนาจวาสนา มังกรเป็นสัตว์แห่งสัญลักษณ์ของอำนาจสูงสุดของชั้นชั้นปกครอง มังกรได้รับจัดอยู่ในอันดับหนึ่งในสัตว์สูงส่ง 4 ตัวคือ “มังกร กิเลน เต่า หงส์”
สำหรับชาวเวียดนาม มังกรคือต้นกำเนิดของประชาชาติที่ผูกพันธ์กับตำนานที่เล่าสืบกันมาตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบันว่า ในสมัยดึกดำบรรพ์ เทพเจ้า ถือมังกรเป็นสัตว์แห่งสัญญาลักษณ์ของการนำโชคของอำนาจและความเฉลียวฉลาดที่สุดใน 12 นักษัตร โดยมีการตกแต่งรูปลายประแจจีนหรือลวดลายสะวัดติกะที่เป็นลวดลายมงคลคติแห่งความโชคดี การประสบความสำเร็จดีงามในโลกตะวันตกและตะวันออก โดยอ้างอิงศิลปะญวน นำมาสร้างสรรค์เป็นรูปมังกรเทิน ตราสัญลักษณมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
การผสานกับวัฒนธรรมลาวล้านช้างเมืองอุบลราชธานี อันมีสายพระวอพระตาอันเป็นที่มาของประวัติศาสตร์การสร้างบ้านแปลงเมืองอุบลราชธานี โดยสื่อความหมายผ่านงานตกแต่ง ซึ่งเลือกแม่ลายช่อดอกกาละกับ หรือ ลายดอกบักนัด(ดอกสับปะรด)ในภาษาถิ่น ซึ่งถือเป็นแม่ลายสำคัญเอกลักษณ์สกุลช่างหลวงสายเวียงจันทน์แห่งราชสำนักล้านช้าง โดยมีการนำภูมิปัญญาสร้างสรรค์พุทธศิลป์จากวัฒนธรรมพื้นบ้านอย่าง ขันกะหย่องซึ่งเป็นพุทธศิลป์สำหรับเป็นที่วางเครื่องบูชาถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญหัตถศิลป์อีสาน โดยนำมาใช้ในส่วนการจัดวางตกแต่งเครื่องดอกไม้ประดับสำคัญ อย่างมีเอกลักษณ์
ส่วนเฟื้องอุบะนำ มาลัยข้าวตอก มาผสมผสานงานร้อยตกแต่งด้วยมาลัยข้าวตอกแตก เพื่อสื่อสัญญะความหมายแห่งการแตกหน่อต่อยอดแห่งภูมิความรู้พุทธิปัญญาของบัณฑิต และมีการตกแต่งทวารบาลทางขึ้นลงด้วยรูปสัตว์มงคลอย่างคติหมาเก้าหางในตำนานความเชื่อพื้นเมืองมาประกอบร่วมพิธี โดยทั้งหมดนำมาสร้างสรรค์ประกอบสร้างความหมายแห่งพิธีมงคลของ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
เพลิน วิชัยวงศ์ นักประชาสัมพันธ์ ม.อุบลฯ / ข่าว