พิธีบวงสรวงและสดุดีวีรกรรม เจ้าคำผง ประจำปี 2560
นับแต่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ "พระประทุม" เป็นพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ ครองเมือง "อุบลราชธานีศรีวะนาไลประเทษราช" เมื่อปีพุทธศักราช 2335 หากนับถึงปัจจุบัน ปีพุทธศักราช 2560 ก็ได้ 225 ปี อันแสดงให้เห็นว่า เมืองอุบลราชธานี มีประวัติศาสตร์และความเป็นมาอันยาวนาน มีความเจริญก้าวหน้าในหลายๆ ด้าน มีขนบธรรมเนียมประเพณี และวัฒนธรรมอันดีงาม ประชาชนชาวเมืองอุบลราชธานี เป็นผู้ใฝ่เรียนใฝ่รู้ จนเป็นที่ยอมรับกันว่า "อุบลราชธานีเมืองนักปราชญ์"
สาเหตุที่เมือง "อุบลราชธานีศรีวะนาไลประเทษราช" มีคำว่า "ราชธานี" ต่อท้ายนั้น หมายถึงเป็นเมืองอาสาข้าหลวงเดิม เพราะถ้ามีราชสงครามมาติดพันประเทศชาติ เมืองอุบลก็จะตามเสด็จไปปราบปรามทุกครั้ง ในฐานะเป็นประเทศราช ส่วนคำว่า "ประเทษราช" สันนิษฐานว่า คงถูกยกเลิกไปในสมัยรัชกาลที่ 3 (ไกด์อุบล : 222 ปีอุบลราชธานี)
อีกประการหนึ่ง เจ้าพระตาและเจ้าพระวอ บรรพบุรุษผู้ก่อสร้างเมืองอุบล เป็นโอรสเจ้าปางคำ เจ้านายเวียงจันทน์ สืบเชื้อสายมาจากนครเชียงรุ้งแสนหวีฟ้า มีฝีมือเข้มแข็งกล้าหาญ เคยดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองหนองบัวลุ่มภู สืบต่อจากเจ้าปางคำผู้เป็นบิดา หลักฐานที่แสดงความเป็นเจ้านายเชื้อสายพระราชวงศ์ของเจ้าพระตา เจ้าพระวอ คือ การได้ปกครองเมืองหนองบัวลุ่มภู ซึ่งเป็นเมืองใหญ่มีไพร่พลมาก ดังปรากฏเมืองหน้าด่านทั้ง 4 คือ เมืองภูเขียว ภูเวียงผ้าขาว และพันนา การได้ดำรงตำแหน่งในอาชญาสี่ หรืออาญาสี่ (เจ้าเมือง อุปราช ราชวงศ์ ราชบุตร) เมื่อถึงแก่อสัญกรรม มีการทำพิธีศพแบบนกหัสดีลิงค์ ซึ่งจัดให้เฉพาะตำแหน่งอาชญาสี่เท่านั้น และเมื่อเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของพระมหากษัตริย์ไทย ได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าประเทศราช ต่างจากเมืองเขมรป่าดง เช่น ศรีสะเกษ สุรินทร์ ต่อมาเมื่อรัชกาลที่ 6 ได้ตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุล พุทธศักราช 2459 จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามสกุล "ณ อุบล" อันหมายถึงเชื้อสายเจ้านายอุบลราชธานีแต่โบราณ (ไกด์อุบล : 222 ปีอุบลราชธานี)
พระประทุมสุรราช (เจ้าคำผง) บุตรพระตา อพยพไพร่พลจากบ้านห้วยแจระแม มาตั้งอยู่ที่ ดงอู่ผึ้ง ในปลาย พ.ศ.2322 แล้วขนานนามเมืองว่า "เมืองอุบล" เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเมืองหนองบัวลุ่มภูอันเป็นชื่อบ้านเดิม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้ "พระประทุม" เป็นพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ ครองเมือง "อุบลราชธานีศรีวะนาไลประเทษราช" เมื่อวันจันทร์แรม 13 ค่ำเดือน 8 จุลศักราช 1154 ตรงกับวันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พุทธศักราช 2335 และถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2338 สิริอายุได้ 85 ปี (ไกด์อุบล : 222 ปีอุบลราชธานี)
ทุกวันที่ 10 พฤศจิกายน ของทุกปี จังหวัดอุบลราชธานี รวมไปถึงชาวยโสธรและอำนาจเจริญ (แยกตัวออกจากจังหวัดอุบลราชธานีในภายหลัง) กำหนดให้เป็นวันประกอบพิธีบวงสรวง พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) ตั้งแต่ประมาณปี 2540 เป็นต้นมา และในปี 2549 ได้เปลี่ยนชื่องานเป็น งานสดุดีวีรกรรมพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง)
กำหนดการ งานสดุดีวีรกรรมพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) ประจำปี 2560
วันที่ 9 พฤศจิกายน 2560 ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง
9.00-21.00 น. การจัดแสดงนิทรรศการ เนื่องในงานพิธีบวงสรวงและสดุดีวีรกรรม พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) บริเวณทุ่งศรีเมือง
18.30-19.30 น. พิธีเจริญพระพุทธมนต์ ณ ศาลาจตุรมุข ทุ่งศรีเมือง
19.30-22.00 น. พิธีปฏิบัติธรรม ณ บริเวณทุ่งศรีเมือง
วันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 ณ วัดหลวง และบริเวณทุ่งศรีเมือง
06.00 น. พิธีกรเชิญประธานในพิธี (ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี) ประกอบพิธีไหว้พระเจ้าองค์หลวง และพิธีสักการะอัญเชิญดวงวิญญาณเจ้าคำผง ณ วัดหลวง
07.00 น. เคลื่อนขบวนอัญเชิญเครื่องยศเจ้าเมืองตามแบบโบราณ และขบวนหน่วยงานต่างๆ จากวัดหลวง มายังอนุสาวรีย์พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) บริเวณทุ่งศรีเมือง
07.30 น. ประธานในพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ถวายภัตตาหารเช้าแด่พระสงฆ์ 9 รูป ณ ศาลาจตุรมุข ทุ่งศรีเมือง หน่วยงานต่างๆ เริ่มวางขันหมากเบ็ง
08.15 น. พิธีกรเชิญหน่วยงานหลัก 20 หน่วย งานวางขันหมากเบ็ง
09.00-11.00 น. ประธานในพิธี ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี จุดธูปเทียน ประกอบพิธีบวงสรวง / เปลี่ยนผ้าแพร สักการะด้วยมาลัยกร และวางขันหมากเบ็ง / กล่าวสดุดีวีรกรรมพระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง)
พราหมณ์อ่านโองการและลั่นฆ้องชัย / การแสดงรำสดุดีถวายสักการะ จากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี / การฟ้อนถวายมือจากประชาชนชาวอุบลราชธานี อำนาจเจริญและยโสธร
เสร็จพิธี
13.00-16.00 น. การจัดนิทรรศการวันรำลึกแห่งความดีชาวอุบลราชธานี
16.00-18.00 น. การเสวนาเรื่อง งานวันรำลึกแห่งความดีชาวอุบลราชธานี 11 พฤศจิกายน หน้าอนุสาวรีย์แห่งความดีชาวอุบลราชธานี
หมายเหตุ : มีการจัดแสดงนิทรรศการ บริเวณทุ่งศรีเมือง ระหว่างวันที่ 9-11 พฤศจิกายน 2560 เวลา 09.00-21.00 น.
การแต่งกาย แต่งกายด้วยผ้าพื้นเมือง
- สุภาพบุรุษ สวมเสื้อราชปะแตน นุ่งโจงกระเบน หรือสวมเสื้อผ้าพื้นเมือง
- สุภาพสตรี สวมเสื้อแขนกระบอก มีสไบเฉียง ผ้าซิ่นกาบบัว หรือผ้าซิ่นลายล่องมีเชิง
- หน่วยงานต่างๆ แต่งกายตามเครื่องแบบของหน่วยงาน
การวางขันหมากเบ็ง หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐภาค เอกชน และประชาชน จัดวางขันหมากเบ็งเพื่อถวายสักการะ อนุสาวรีย์พระประทุมวรราชสุริยวงษ์ (เจ้าคำผง) ในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 หน่วยงานละ 1 คู่