วันเชิดชูเกียรติและรำลึก หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ปี 2567
สำนักงานกองทุนเครือข่ายแห่งบุญหม่อมเจียงคำอนุสรณ์ กำหนดจัดงาน"วันเชิดชูเกียรติและรำลึก หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ท.จ ประจำปี พ.ศ.2567 เป็นปีที่ 17 ในวันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567 ณ ลานหม่อมเจียงคำ วัดสุทัศน์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเป็นการแสดงความกตัญญูกดเวที ที่ท่านมีคุณปการแก่ชาวอุบลราชธานี และเป็นวันคล้ายวันถึงแก่อนิจกรรมหม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ท.จ.
จังหวัดอุบลราชธานี และชาวอุบลราชธานี ร่วมกับ กองทุนเครือข่ายแห่งบุญ หม่อมเจียงคำอนุสรณ์ ขอเชิญร่วมงานวันเชิดชูเกียรติและรำลึก หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ท.จ. ประจำปี พ.ศ.2567 (ปีที่ 17) วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567 ตั้งแต่เวลา 06.00 น. เป็นต้นไป ณ ลานหม่อมเจียงคำ วัดสุทัศน์ ตำบลในเมือง อำเภอเมืองอุบลราชธานี จังหวัดอุบลราชธานี โดยมีกำหนดการ ดังนี้
วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม 2567
เวลา 06.00 น. ตั้งขบวนแห่ชันหมากเบ็ง ณ บริเวณลานหน้าพระอนุสาวรีย์ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ (ข้างศาลหลักเมือง)
เวลา 06.30 น. เคลื่อนขบวนแห่ขันหมากเบ็งมายังลานหม่อมเจียงคำ วัดสุทัศน์ (ถนนอุปราช ตามเส้นทางที่กำหนด)
เวลา 07.30 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ประธานในพิธี เดินทางมาถึงบริเวณพิธีลานหม่อมเจียงคำ วัดสุทัศน์
- ประธานในพิธี จุดรูปเทียนชาพระวัตนตวัย
- ญาติจุดเครื่องทองน้อย (เครื่องใน)
- เจ้าหน้าที่นำไหว้พระ อาราธนาศีลประธานสงฆ์ให้ศีล ทุกคนรับศีล
- เจ้าหน้าที่อาราธนาพระปริตร พระสงฆ์สวดพระพุทธมนด์ จบแล้ว
- เจ้าหน้าที่ลาดภูษาโยง
- ประธานและผู้มีเกียรติทอดผ้าบังสุกุล
- พระสงฆ์สวดทักษิณานุประทาน
- เจ้าหน้าที่เก็บภูษาโยง
- ประธานและผู้มีเกียรติถวายภัตตาหารปินโตและถวายปัจจัยเครื่องไทยธรรม
- พระสงฆ์อนุโมทนา
- ประธานกรวดน้ำรับพร
- พระสงฆ์เดินทางกลับ
เวลา 08.30 น. ฟ้อนเชิดชูเกียรติหม่อมเจียงคำ โดย วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีสรรพสิทธิประสงค์
- ลำกลอนเชิดชูเกียรติหม่อมเจียงคำ โดย ป.ฉลาดน้อย ส่งเสริม ศิลปินแห่งชาติและคณะ
- ประธานในพิธี วางขันหมากเบ็ง จุดเครื่องทองน้อย
- ผู้แทนคณะญาติวางขันหมากเบ็ง ที่โต๊ะหน้ารูปหม่อมเจียงคำ
- ประธานในพิธี กล่าวเชิดชูเกียรติหม่อมเจียงคำ
- ผู้ร่วมงานยืนสงบนิ่งรำลึกถึงคุณงามความดี หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ท.จ.
- กล่าวสุนทรพจน์ "หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ท.จ. ผู้ที่มีคุปการต่อชาวอุบลราชธานี"
- ประธานในพิธี มอบรางวัลหม่อมเจียงคำ ประจำปี พ.ศ.2567 และรางวัลชนะการประกวดสุนทรพจน์
- ประธานกองทุนฯ รับมอบ การสนับสนุนจากผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานฯ มอบเกียรติบัตร ของที่ระลึกแก่ผู้ให้การสนับสนุนการจัดงานฯ
- ส่วนราชการ หน่วยงาน บุคคลวางชันหมากเบ็ง ตามลำดับ
- เสร็จพิธี
-พิธีขอขมาบูชา หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ท.จ.
หมายเหตุ
1. แต่งกายด้วยผ้าพื้นเมืองอุบล / ย้อนรอยหม่อมเจียงคำฯ / หรือชุดสุภาพ
2. หน่วยงานภาคราชการ/เอกชน'บุคคล หากมีความประสงค์ร่วมขบวนแห่/พิธีวางขันหมากเบ็งให้จัดเตรียมป้ายชื่อหน่วยงาน องค์กร และขันหมากเบ็ง ขัน
3. กำหนดการนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสม
นางสาววรปภา ศรีกำพล ผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดสุนทรพจน์ "หม่อมเจียงคำ ขุมพล ณ อยุธยา ท.จ. ผู้ที่มีคุณูปการต่อชาวอุบลราชธานี" ภายในงานวันเชิดชูเกียรติและรำลึก หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ประจำปี 2566 กล่าวสุนทรพจน์มีใจความว่า...
สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ อาจเสื่อมค่าตามกาลเวลา หากแต่ตรงกันข้ามกับ "คุณงามความดีของบุคคล" ที่เมื่อเกิดขึ้นแล้วจะสถิตเสถียร จารึกนามอยู่เช่นนั้น มิได้เสื่อมสลายไปโดยง่าย เช่นเดียวกับคุณงามความดีของ "หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา" ผู้ที่มีคุณูปการต่อชาวอุบลราชธานี
หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา หรือ นามเดิม อัญญานางเจียงคำ บุตโรบล เกิดเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม พ.ศ.2422 เป็นธิดาคนที่ 9 ของท้าวสุรินทร์ชมฎ หรือ หมั้น บุตโรบล และญาแม่ดวงจันทร์ บุตโรบล ได้เข้าพิธี บายศรีสู่ขวัญ ถวายตัวเป็นหม่อมห้าม ในพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4
ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 มีการปฏิรูปการปกครองหลายประการหากจะบริหารราชการแผ่นดินให้มั่นคง จะต้องจัดระเบียบบ้านเมืองให้เป็นปีกแผ่น ความแน่นแฟ้นจึงจะเกิดขึ้น ซึ่งพลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ พระองค์ดำรงตำแหน่งข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว มาปรับปรุงและจัดระบบราชการที่เมืองอุบลราชธานี ฉะนั้น การถวายตัวของหม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา จึงนับได้ว่าเป็นการกระชับสัมพันธไมตรีระหว่างราชสำนักสยาม กับเจ้านายพื้นถิ่นเมืองอุบลราชธานีให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ในช่วงชีวิตของหม่อมเจียงคำ ท่านได้สร้างคุณประโยชน์ให้กับจังหวัดอุบลราชธานีเป็นอย่างยิ่ง ท่านเป็นผู้มีความเสียสละ บำเพ็ญประโยชน์ในด้านการมอบที่ดินอันเป็นมรดกตกทอด เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ชาวอุบลราชธานี จำนวน 7 แปลง ซึ่งยากนักที่จะหาใครเสียสละได้เช่นนี้
ในปัจจุบัน ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ตั้งของสถานที่ราชการที่สำคัญต่าง ๆ เช่น
- พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติจังหวัดอุบลราชธานี
- เทศบาลนครอุบลราชธานี
- ทุ่งศรีเมือง และโรงเรียนอนุบาลอุบลราชธานี
- ศาลจังหวัดอุบลราชธานี
- ที่ทำการอำเภอเมืองอุบลราชธานี
- ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานีหลังเก่า และ
- โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์
หากได้สร้างความดีงาม ให้ประจักษ์แก่ใจมวลชนแล้วไซร้ ย่อมเป็นที่แน่นอนว่าผู้กระทำความดีงามนั้นจะได้รับการยกย่องเทิดทูน ซึ่งความดีของหม่อมเจียงคำ นับได้ว่าเป็นความดีระดับสูงที่สุดตามหลักพระพุทธศาสนา เนื่องจากประกอบด้วยความดีถึง 3 ขั้นด้วยกัน กล่าวคือ
ประการที่ 1 ความดีขั้นต้น คือ ความดีในระดับปุถุชน ความดีอันเป็นประโยชน์ในปัจจุบัน เพราะเมื่อหม่อมเจียงคำยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านรู้จักคุ้มครองเก็บรักษาโภคทรัพย์ทั้งของตนเองและมรดกที่บรรพบุรุษมอบให้
ประการที่ 2 ความดีขั้นกลาง คือ ความดีในระดับกัลยาณชน ความดีอันเป็นประโยชน์ในระยะยาว เช่น หม่อมเจียงคำได้ตามเสด็จ พลตรี พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรพสิทธิประสงค์ออกเยี่ยมไพร่ฟ้าประชาชนตามหัวเมืองต่าง ๆ ย่อมส่งผลให้เกิดความสุขทางทั้งกายและทางใจในระยะยาว
ประการที่ 3 ความดีขั้นสูง คือ ความดีระดับอารยชน เป็นความดีสุงสุดของชีวิต หม่อมเจียงคำ ท่านได้หลุดพ้นจากกิเลสทั้งปวง ท่านพัฒนาชีวิตจนมีศีลธรรมสมบูรณ์ เสียสละ กตัญญูต่อแผ่นดินเกิด ท่านได้อุทิศที่ดินอันมีมูลค่ามหาศาล เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับชาวอุบลราชธานีมาจนถึงปัจจุบัน
ชาวอุบลราชธานีได้ใช้ที่ดินที่ท่านบริจาคอย่างเกิดประโยชน์สูงสุด ความเสียสละ และความดีของท่านเปรียบประดุจแรงขับเคลื่อนอันทรงพลัง ที่จะผลักดันสังคมไปในทิศทางที่พึงประสงค์ และบรรจงเชื่อมร้อยความหลากหลายของผู้คน โดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ ศาสนา นำพาให้เราทุกคนประสบกับความเจริญ สันติ และมีความสุขร่วมกัน
ดิฉันจึงประจักษ์ชัดแจ้งว่า รางวัลของผู้กอปรคุณงามความดีนั้น แท้จริงแล้ว คือความกตัญญูของผู้คนที่ได้รับน้ำใจจากท่าน ทุกสรรพสำเนียงแห่งความชื่นชม ไม่ได้สร้างความเปียมปีติ ให้แก่ผู้กอปรความดีเท่านั้น หากแต่หมายรวมถึงบุตรหลานและผู้สืบสกุลของท่านด้วย ที่จะได้ยินเสียงเชิดชูเกียรติ เป็นรางวัลของการทำความดีอย่างไม่สิ้นสุด
ความดีเป็นสิ่งอัศจรรย์ มีที่มาจากอดีต คงอยู่ในปัจจุบัน และจะดำรงนิรันดร์ในอนาคต ดิฉันขอแสดงความกตัญญูกตเวทีผ่านบทสุนทรพจน์นี้ เพื่อรำลึกเชิดชู ท่านผู้ที่มีคุณูปการแก่ชาวอุบลราชธานี
"หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา"