พิจารณาปริมาณเสื้อผ้าดูก่อน 
การเลือกชั้นใส่เสื้อผ้าให้แมทช์ทั้งความต้องการและดีไซน์ภายในบ้านเริ่มต้นได้ง่าย ๆ จากการพิจารณาปริมาณเสื้อผ้าที่มีทั้งหมดก่อน จากนั้นจึงเลือกมองหาชั้นที่สามารถจัดการเสื้อผ้าทั้งหมดได้อย่างเหมาะสม ซึ่งการจัดการเสื้อผ้านี้ไม่ได้หมายถึงการยัดเสื้อผ้าทุกชิ้นเข้าไปในตู้ แต่จะเป็นการจัดเรียงเสื้อผ้าที่มีช่องไฟพอเหมาะ ทำให้สวยงามสะอาดตา แถมลดกลิ่นอับ ความชื้นสะสม รวมไปถึงลดปัญหาสีผ้าซึมจากปริมาณผ้าที่ทับถมกันนาน ๆ อีกด้วย  

เลือกหน้าบานตู้ให้แมทช์กับความต้องการ 
หลังจากที่คัดเลือกเสื้อผ้า พร้อมเลือกขนาดชั้นใส่เสื้อผ้าให้เหมาะสมกับปริมาณเสื้อผ้าที่มีแล้ว ขั้นตอนต่อไป คือ การพิจารณาหน้าบานชั้นเสื้อผ้าให้ลงตัวกับความต้องการของเรา ซึ่งนอกจากดีไซน์ของห้องแล้ว การเลือกหน้าบานตู้ที่เหมาะสมยังขึ้นอยู่กับ “ความรู้สึก” ของผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ อีกด้วย  

โดยในบางครั้ง หลายคนอาจรู้สึกกับการเลือกบานตู้แบบทึบ ในขณะที่หลายคนมองว่า การเลือกหน้าบานตู้แบบใส หรือ เป็นกระจกนั้นทำให้รู้สึกว่ารก เนื่องจากจะสามารถมองเห็นเสื้อผ้าได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ คนจำนวนไม่น้อยยังอาจมองว่า การไม่มีหน้าบานตู้เลยอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า เพราะช่วยป้องกันปัญหากลิ่นอับได้ แต่สำหรับใครที่ต้องการเลือกชั้นใส่เสื้อผ้าแบบไม่มีหน้าบานปิดก็ควรระมัดระวังปัญหาฝุ่นที่อาจก่อให้เกิดภูมิแพ้ได้  

อย่าลืมเช็กความแข็งแรงของวัสดุที่ใช้ทำชั้น 
สุดท้าย เมื่อได้ชั้นใส่เสื้อผ้าที่มีดีไซน์และการใช้งานที่ดูตอบโจทย์แล้ว อย่าลืมไปเช็กความแข็งแรงของวัสดุ ตลอดจนโครงสร้างของชั้นที่ต้องการด้วย เพราะหากไม่พิจารณาในส่วนนี้ให้ดี อาจทำให้ชั้นเสื้อผ้ามีอายุการใช้งานที่น้อย ส่งผลให้ต้องเสียเงินซื้อใหม่ในอนาคตได้ ดังนั้น หากไม่อยากเจอปัญหาในส่วนนี้ อย่าลืมตรวจสอบและเช็กความแข็งแรงในส่วนนี้ให้ดี  

จบลงไปแล้วกับ 3 เคล็ดลับการเลือกชั้นใส่เสื้อผ้าที่นำมาฝาก หากใครกำลังวางแผนซื้อชั้นเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์ความต้องการล่ะก็ อย่าลืมนำ 3 เคล็ดลับนี้ไปปรับใช้ด้วยนะ