ทำไมสถานการณ์รถ Nissan มือ 2 ในไทยถึงน่าเป็นห่วง ?

ถึงแม้ Nissan จะเคยเป็นหนึ่งใน Top 5 ของตลาดรถยนต์ใหม่ในไทย ด้วยภาพลักษณ์ที่แข็งแรงจากรุ่นยอดนิยมอย่าง Nissan March, Almera และ Navara แต่เมื่อพูดถึงรถ Nissan มือ 2 กลับมีหลายสัญญาณที่น่ากังวลไม่น้อยสำหรับผู้ที่ถือครองรถยนต์ Nissan ไว้ในครอบครอง และสำหรับผู้ที่คิดจะลงทุนซื้อเพื่อใช้งานหรือขายต่อในอนาคต

1. ราคาขายต่อที่ร่วงเร็วอย่างต่อเนื่อง

จากการวิเคราะห์ข้อมูลราคารถมือสองในแพลตฟอร์มซื้อขายรถยนต์ชั้นนำในไทย พบว่ารถยนต์ Nissan มือ 2 มีอัตราการเสื่อมราคาค่อนข้างรวดเร็วเมื่อเทียบกับแบรนด์ญี่ปุ่นคู่แข่งอย่าง Toyota, Honda หรือแม้แต่ Mazda โดยเฉพาะในรุ่น Almera และ March ที่ถึงแม้จะเป็นรถอีโคคาร์ยอดนิยมในอดีต แต่กลับมีราคามือสองที่ร่วงลงแรงหลังจากใช้งานเพียง 3-5 ปี

ยกตัวอย่าง Almera ปี 2019 รุ่น 1.2 E CVT ราคาป้ายแดงประมาณ 499,000 บาท ปัจจุบันกลับมีราคาขายต่อในตลาดมือสองเพียงประมาณ 250,000–280,000 บาท เทียบกับ Honda City รุ่นปีเดียวกันที่ยังยืนพื้นอยู่ที่ 330,000–360,000 บาท ซึ่งสะท้อนความเชื่อมั่นของตลาดต่อแบรนด์อย่างชัดเจน

2. ภาพลักษณ์แบรนด์ที่อ่อนแรงลง

หลังจากปี 2020 เป็นต้นมา Nissan ประเทศไทยมีการเปิดตัวรถยนต์ใหม่น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และไม่มีรุ่นใดที่สามารถสร้างแรงกระเพื่อมในตลาดได้มากพอ ไม่ว่าจะเป็น Nissan Kicks e-POWER ที่แม้จะเป็นเทคโนโลยีใหม่แต่กลับไม่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง หรือ Navara รุ่นล่าสุดที่ยังคงเป็นรองทั้งในยอดขายและความนิยมเมื่อเทียบกับ Isuzu D-Max และ Toyota Hilux Revo

ความนิ่งเงียบของแบรนด์ รวมถึงจำนวนศูนย์บริการที่เริ่มลดลงในบางพื้นที่ ทำให้ผู้บริโภคบางกลุ่มเริ่มเกิดความกังวลเกี่ยวกับการดูแลรักษารถในระยะยาว ส่งผลให้ตลาดNissan มือ 2 เองก็ได้รับผลกระทบโดยตรง

3. ต้นทุนการซ่อมบำรุง-อะไหล่เริ่มแพงและหายาก

อีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่อความนิยมหรือมูลค่าของรถมือสองก็คือความสะดวกในการซ่อมและราคาของอะไหล่ แม้ว่า Nissan จะมีโรงงานผลิตในไทย แต่อะไหล่ของบางรุ่นกลับเริ่มขาดแคลนหรือมีราคาสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีพิเศษ เช่น ระบบ e-POWER ที่ยังไม่มีช่างอิสระหรืออู่ทั่วไปรองรับมากนัก ทำให้เจ้าของรถต้องพึ่งพาศูนย์บริการแทบทั้งหมด และนั่นก็หมายถึงต้นทุนที่สูงขึ้น

4. ความนิยมของผู้ซื้อรถมือสองเปลี่ยนไป

แนวโน้มของตลาดรถมือสองในปัจจุบันเริ่มเทไปทาง “ความง่ายในการใช้งานและขายต่อได้ง่าย” มากกว่า “ราคาถูก” ซึ่งทำให้ผู้บริโภคหันไปหาแบรนด์ที่มีภาพลักษณ์แข็งแรง มีศูนย์บริการครอบคลุม และมูลค่าคงที่มากกว่า แม้จะต้องจ่ายแพงขึ้นในช่วงต้น ตัวอย่างเช่น Toyota ที่แม้จะมีราคามือสองสูง แต่ก็ขายต่อได้เร็ว หรือ Honda ที่มีฐานผู้ใช้เหนียวแน่น

ในขณะที่ Nissan มือ 2 กลับกลายเป็นตัวเลือกอันดับรอง ๆ หรือแม้แต่ถูกข้ามไปเลยในกลุ่มผู้ซื้อที่เน้นความอุ่นใจระยะยาว ส่งผลให้รถ Nissan ในตลาดมือ 2 ถูกตีราคาต่ำลงเรื่อย ๆ ตามดีมานด์ที่ลดลง

แบรนด์ที่ต้อง “เร่งฟื้นศรัทธา”

สถานการณ์ของ Nissan มือ 2 ในไทยไม่ได้แย่เพราะตัวรถขาดคุณภาพ แต่เป็นผลรวมจากหลายปัจจัย ทั้งความนิ่งเงียบของแบรนด์ ภาพลักษณ์ตลาดที่เริ่มสั่นคลอน และทิศทางที่ไม่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคไทยในปัจจุบันได้ชัดเจน หาก Nissan ต้องการฟื้นตัวในตลาดมือสอง อาจต้องเริ่มจากการเร่งสร้างความมั่นใจทั้งในด้านบริการหลังการขาย การเปิดตัวรุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์จริง และที่สำคัญคือการ “สื่อสาร” กับผู้บริโภคให้กลับมาเห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของแบรนด์อีกครั้ง เพราะในยุคที่ผู้ซื้อรถมือสองมีข้อมูลอยู่ในมือครบถ้วน แค่ “ราคาถูก” อย่างเดียวอาจไม่พออีกต่อไป.

Sticky