การรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์หรือ "กิ๊ฟ" (GIFT - Gamete Intrafallopian Transfer) และการฝากตัวอ่อนเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับคู่สมรสที่ต้องการมีลูก แต่หลายคนสงสัยว่าทำไมการทำกิ๊ฟราคาถึงสูง วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจถึงสาเหตุ ขั้นตอน และข้อดีของเทคโนโลยีนี้
ทำไมทำกิ๊ฟจึงราคาสูง
การทำกิ๊ฟ ราคาในประเทศไทยโดยเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 80,000-300,000 บาทต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับวิธีการรักษา คลินิก และความซับซ้อนของแต่ละกรณี ราคาที่สูงนี้มาจากหลายปัจจัยสำคัญ
1. เทคโนโลยีและอุปกรณ์ทันสมัย ห้องปฏิบัติการต้องมีเครื่องมืออันทันสมัย เช่น กล้องจุลทรรศน์คุณภาพสูง ตู้เพาะเลี้ยงตัวอ่อนที่ควบคุมสภาพแวดล้อมได้แม่นยำ และอุปกรณ์การแพทย์เฉพาะทางที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
2. ความเชี่ยวชาญของแพทย์และทีมงาน แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเจริญพันธุ์ต้องผ่านการฝึกอบรมเฉพาะทางหลายปี มีประสบการณ์สูง พร้อมทีมนักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ที่ชำนาญในการจัดการตัวอ่อนและเซลล์สืบพันธุ์
3. ยาและฮอร์โมนราคาแพง การกระตุ้นการตกไข่ต้องใช้ฮอร์โมนหลายชนิด ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาสูง คิดเป็นค่าใช้จ่ายประมาณ 30,000-100,000 บาทต่อรอบการรักษา
4. มาตรฐานความปลอดภัยสูง ห้องปฏิบัติการต้องปราศจากเชื้อโรค ควบคุมอุณหภูมิและความชื้นอย่างเข้มงวด และมีระบบกรองอากาศพิเศษ เพื่อให้แน่ใจว่าตัวอ่อนได้รับการดูแลในสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบ
5. การติดตามและดูแลอย่างใกล้ชิด ตลอดกระบวนการรักษาต้องมีการตรวจติดตามบ่อยครั้ง ทำอัลตราซาวนด์ ตรวจเลือด และปรับยาตามความเหมาะสม ซึ่งทำให้การทำกิ๊ฟมีราคาค่อนข้างสูงเพราะรวมค่าบริการเหล่านี้ด้วย
ขั้นตอนการทำกิ๊ฟ
1. ขั้นตอนที่ 1: การตรวจประเมินและวางแผน แพทย์จะตรวจสอบประวัติสุขภาพ ตรวจสุขภาพทั้งสามีและภรรยา ตรวจระดับฮอร์โมน ตรวจน้ำเชื้อ และอวัยวะสืบพันธุ์ เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
2. ขั้นตอนที่ 2: การกระตุ้นรังไข่ ให้ยาฮอร์โมนเพื่อกระตุ้นรังไข่ผลิตไข่หลายฟอง แทนที่จะเป็นเพียงฟองเดียวตามธรรมชาติ ระยะนี้ใช้เวลาประมาณ 10-14 วัน พร้อมการติดตามด้วยอัลตราซาวนด์
3. ขั้นตอนที่ 3: การเก็บไข่ เมื่อไข่โตพอดี แพทย์จะดูดไข่ออกมาด้วยเข็มเล็กๆ ผ่านช่องคลอดโดยใช้เครื่องอัลตราซาวนด์นำทาง กระบวนการใช้เวลาประมาณ 20-30 นาที ภายใต้การดมยาสลบเบา
4. ขั้นตอนที่ 4: การเก็บและเตรียมน้ำเชื้อ สามีให้ตัวอย่างน้ำเชื้อในวันเดียวกับการเก็บไข่ นักวิทยาศาสตร์จะคัดเลือกตัวอสุจิที่มีคุณภาพดีที่สุด
5. ขั้นตอนที่ 5: การผสมหรือฉีดอสุจิเข้าไข่ ในเทคนิค GIFT จะนำไข่และอสุจิไปฝากในท่อนำไข่โดยตรง หรือในกรณี IVF/ICSI จะผสมหรือฉีดอสุจิเข้าไข่ในห้องแล็บ
6. ขั้นตอนที่ 6: การเพาะเลี้ยงและฝากตัวอ่อน เพาะเลี้ยงตัวอ่อนในห้องแล็บ 3-5 วัน จากนั้นคัดเลือกตัวอ่อนที่มีคุณภาพดีฝากเข้ามดลูก
7. ขั้นตอนที่ 7: การรอผลและติดตามการตั้งครรภ์ รอประมาณ 14 วันเพื่อตรวจเลือดดูผลการตั้งครรภ์
ข้อดีของการทำกิ๊ฟ
แม้การทำกิ๊ฟราคาจะสูง แต่ข้อดีที่ได้รับทำให้คุ้มค่ากับการลงทุน
• โอกาสมีบุตรสูงขึ้น เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่มีปัญหาภาวะมีบุตรยาก โดยอัตราความสำเร็จอยู่ที่ 30-50% ต่อรอบ ขึ้นอยู่กับอายุและสุขภาพ
• แก้ปัญหาได้หลากหลาย ช่วยได้ทั้งกรณีท่อนำไข่อุดตัน น้ำเชื้อคุณภาพต่ำ ปัญหาการตกไข่ และภาวะมีบุตรยากที่ไม่ทราบสาเหตุ
• คัดเลือกตัวอ่อนคุณภาพดี สามารถเลือกตัวอ่อนที่มีการพัฒนาดี ลดความเสี่ยงการแท้งและความผิดปกติของทารก
• ควบคุมเวลาได้ สามารถวางแผนการมีบุตรได้ เหมาะกับคู่รักที่ต้องการเลื่อนการมีลูกเพื่อเหตุผลต่างๆ
• ปลอดภัยและมีมาตรฐาน คลินิกที่ได้รับใบอนุญาตต้องผ่านการตรวจสอบมาตรฐานอย่างเข้มงวด
• ความหวังใหม่สำหรับผู้สูงอายุ ผู้หญิงที่มีอายุมากขึ้นยังมีโอกาสมีลูกได้ด้วยเทคโนโลยีนี้
ทำกิ๊ฟมีราคาที่สะท้อนถึงความซับซ้อนของเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญของบุคลากร และมาตรฐานความปลอดภัยที่เข้มงวด แต่เมื่อพิจารณาถึงโอกาสในการมีลูก ความสุขของครอบครัว และอนาคตที่สดใส ราคาที่จ่ายไปถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับคู่สมรสที่ปรารถนาจะมีบุตร ควรเลือกคลินิกที่มีชื่อเสียง มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมาตรฐานการดูแลที่ดีเพื่อเพิ่มโอกาสความสำเร็จสูงสุด