สืบเนื่องจากมีความสับสนในการอ่านชื่อหน่วยงานในจังหวัดอุบลราชธานี เช่น โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ซึ่งเป็นการนำชื่อของ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลอีสาน มาตั้งเป็นชื่อโรงพยาบาล เนื่องจากทายาทของท่านได้บริจาคที่ดินในการสร้างโรงพยาบาลแห่งนี้ จึงมีความสงสัยกันว่า ควรจะอ่านชื่อโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ว่าอย่างไร
เรื่องการอ่านพระนาม "กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์" นี้ คุณพ่อสุวิชช คูณผล ปราชญ์เมืองอุบลฯ ได้เคยอธิบายไว้ในบทความตีพิมพ์ในวารสารข่าวหอการค้าจังหวัดอุบลราชธานี ประจำเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2546 ดังนี้
พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ สำเร็จราชการมณฑลอีสาน ประทับที่ "วังสงัด" จังหวัดอุบลราชธานี พ.ศ. 2436 - 2453 รวม 17 ปี พระกรณียกิจที่สำคัญ ได้อำนวยประโยชน์แก่จังหวัดอุบลราชธานีนานัปการ สถานที่ราชการสำคัญ ได้อัญเชิญพระนามเสด็จในกรมฯ เป็นชื่อสถานที่ ด้วยสำนึกในพระกรุณาธิคุณ และเพื่อเป็นสิริมงคล เช่น ค่ายทหารมณฑลทหารบกที่ 22, โรงพยาบาลประจำจังหวัดสรรพสิทธิประสงค์, โรงพยาบาลค่ายสรรสิทธิประสงค์ เป็นต้น
กาลเวลาผ่านมานับ 100 ปี ตั้งแต่ เสด็จในกรมฯ นิวัติสู่กรุงเทพมหานคร การอ่านพระนาม "กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์" ยังไม่ลงตัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ที่ถือว่าเป็นข้อยุติได้บางคนอ่านว่า สับ-พะ-สิด หรือ สัน-พะ-สิด โดยให้เหตุผลว่า "สรรพสิทธิ" เป็น "คำสมาส" (สรรพ+สิทธิ) จึงอ่านได้ 2 อย่าง แม้แต่ "พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ.2525" พิมพ์ครั้งที่ 4 พ.ศ. 2531 หน้า 789 ยังกำหนดให้อ่าน "สรรพ" ว่า สับ, สับพะ แต่พจนานุกรมฉบับเดียวกัน พิมพ์ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2538 หน้า 803 คำว่า "สรรพ" อ่านได้ทั้ง "สับพะ" และ "สันพะ"
เพราะฉะนั้น ชาวอุบลฯ ที่เปรียบเสมือนลูกหลาน ซึ่งได้รับผลจากการปกครองของเสด็จในกรมฯ สมควรที่จะศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้ต่อไป จนกว่าจะได้ข้อยุติด้วย ความเห็นพ้องต้องกัน มีเหตุผลเพียงพอที่จะยืนยันได้ชัดเจน ปราศจากข้อสงสัยใด ๆ มิใช่อ่านตามความนิยม หรือพจนานุกรมกำหนดให้อ่าน ดังที่กล่าวมาแล้ว เมื่อค้นคว้าตรวจสอบจากหนังสือชุด "พระมหากษัตริย์ บรมราชจักรีวงศ์ 9 รัชกาล" รวบรวมเรียบเรียงโดย "สมบัติ จำปาเงิน" ได้พบพระนามของ "กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์" และการอ่านพระนามฯ ดังต่อไปนี้
พระนามเจ้านายทรงกรม ในสมัยรัชกาลที่ 5 ลำดับตรง (อ่านตามลำดับพระอาวุโส) นเรศวรฤทธิ์, พิชิตปรีชากร, อดิศรอุดมเดช, ภูธเรศธำรงศักดิ์, ประจักษ์ศิลปาคม, พรหมวรานุรักษ์, ราชศักดิ์สโมสร, ทิวากรวงศ์ประวัติ, สิริธัชสังกาศ, สรรพสาตรศุภกิจ, สรรพสิทธิประสงค์, เทวะวงศ์วโรปการ, วชิรญาณวโรรส, สมมตอมรพันธุ์, วิวิธวรรณ์ปรีชา, พงศาติศรมหิป, นราธิปประพันธ์พงศ์, ดำรงราชานุภาพ, พิทยลาภพฤฒิธาดา, นริศรานุวัดติวงศ์, มรุพงศ์สิริพัฒน์, สวัสดิฒนวิศิษฏ์, มหิศรราชหฤทัย
เจ้านายทรงกรม หมายถึง เจ้านายทรงเข้ารับราชการ ทำนองเดียวกับคนธรรมดา เมื่อรับราชการ (สมัยนั้น) ย่อมมีบรรดาศักดิ์ หมื่น ขุน หลวง ฯลฯ เป็นการกำหนดฐานะต่ำสูง ฝ่ายเจ้านายมีการตั้งกรม (ให้เป็นกรม) เป็นกรมหมื่น กรมขุน กรมหลวง ฯลฯ แล้วจึงตามด้วยพระนามกรมถวายพระเกียรติ (บุคคลธรรมดาจะตามด้วยราชทินนาม) ตามแก่กรณี ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการตั้งพระนามกรม เจ้านายเชื้อพระวงศ์ที่เป็นพระเชษฐาและพระอนุชา อย่างไพเราะงดงาม ทั้งความหมายและการสัมผัส คล้องจอง เป็นเถาใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และมีอัศจรรย์ยิ่งคือ สามารถอ่านถอยหลังกลับได้ไพเราะเช่นกัน ขอให้สังเกตชุดแรก อ่านว่า นะเรดวอระริด พิชิตปรีชากอน อดิสอนอุดมเดด พูทะเรดทำรงสัก......สันพะสิดทิประสง........ สะหวัดดิวัดนะวิสิด มะหิดสะระราดหะรึทัย ชุดหลัง (ลำดับกลับ) อ่านว่า ราดชะหะรึทัยมะหิด วิสิดสะหวัดดิวัด สิริพัดมะรุงพง นุวัดติวงนะริดสรา.............. อุดทเดชอะดิสอน ปรีชากอนพิชิด วอระริดนะเรศ น่าอัศจรรย์ในภูมิปัญญาไทย ! ยากจะหาชาติใดมาเปรียบเทียบได้ ?

นอกจากนี้ เมื่อดูในหนังสือ "สมุดพระรูป พระราชโอรส พระราชธิดา และพระนัดดา ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว" ซึ่งจัดพิมพ์เผยแพร่โดย "ม.ร.ว.ปรียนันทนา รังสิต" ได้พบพระนามของ "กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์" เขียนเป็นอักษรโรมันว่า Prince Sarnbasiddhi Prasonga พระนามตามอักษรโรมันนี้ สุดสงวน ได้อรรถาธิบายไว้ในคอลัมน์เกี่ยวกับภาษาไทย ในหนังสือพิมพ์ "สกุลไทย" ว่า พระนามของกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ และพระนามเจ้านายทรงกรมพระองค์อื่นๆ ที่กล่าวพระนามมาแล้วเหล่านี้ ล้วนเป็น "วิสามานยนาม" คือ "ชื่อเฉพาะ" หรือ "นามเฉพาะ" ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Proper name, Proper noun หมายความว่า ชื่อหรือนามเฉพาะนั้น จะเขียนอย่างไร จะอ่านอย่างไร ต้องเป็นไปตามที่เขียนและอ่านอย่างนั้น จะไปเขียนหรืออ่านอย่างอื่น ผิดแผกไปจาก "ชื่อหรือนามเฉพาะ" ไม่ได้

ที่อุบลราชธานี มีกรณีตัวอย่างเกี่ยวกับ "ชื่อหรือนามเฉพาะ" กล่าวคือ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ลำดับที่ 35 ชื่อว่า "นายกำจัด ผาติสุวัณณ์" แต่มักจะมีผู้เขียนตามภาษานิยมและความเคยชิน รวมทั้งความเข้าใจของคนเขียนเป็น "ผาติสุวรรณ" ท่านต้องชี้แจงว่า นามสกุลของท่านเป็น "นามเฉพาะ" ต้องเขียนว่า "ผาติสุวัณณ์" เท่านั้น จึงจะเป็นนามสกุลของนายกำจัด เช่นเดียวกับ ผวจ.อบ. ลำดับที่ 37 "พลตำรวจตรีวิเชียร ศรีมันตร" มีคนอ่านนามสกุลของท่านว่า "สี-มัน-ตอน" ท่านบอกว่าต้องอ่าน "สี-มัน-ตะ-ระ" เพราะว่าเป็น "นามเฉพาะ" จะอ่านเป็นอย่างอื่นไม่ได้
คราวนี้ก็ถึงบางอ้อ แล้วใช่ไหมครับ สรุปว่า พระนามกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ คงต้องอ่านตาม "นามเฉพาะ" ของท่านว่า กรม-มะ-หลวง-สัน-พะ-สิด-ทิ-ประ-สง ด้วยประการฉะนี้